• ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล.
SET Index ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังจากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนลง ประกอบกับตลาดตอบรับเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย (เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 ต.ค.) และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งจะเปิดให้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป
ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนต่อเนื่อง โดยกลับมายืนเหนือแนว 1,300 จุดได้อีกครั้งช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นำโดย หุ้นกลุ่มแบงก์ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาดีกว่าคาด กลุ่มเทคโนโลยีจากการคาดการณ์เรื่องผลประกอบการไตรมาส 3/2568 รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น นอกจากนี้รายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือนที่ระดับ 1,319.76 จุดในช่วงท้ายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
• ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,313.91 จุด เพิ่มขึ้น 3.08% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,098.28 ล้านบาท ลดลง 1.61% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.50% มาปิดที่ระดับ 231.86 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (27-31 ต.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,295 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,350 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ของญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนต.ค. ของจีน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น