ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นมากกว่า 50 จุดในสัปดาห์สุดท้ายของปี ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากรายข่าวเกี่ยวกับการเตรียมเปิดประเทศของจีนในช่วงต้นปี 2566 รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. ซึ่งยังสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยบวกดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นมากสุดตามแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งจากประเด็นเฉพาะของบริษัท ทั้งนี้ การซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคักในวันทำการสุดท้ายของปีก่อนวันหยุดปีใหม่
ในวันศุกร์ (30 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 3.16% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 51,478.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 4.05% มาปิดที่ระดับ 584.16 จุด
สำหรับภาพรวมในปี 2565 นั้น ดัชนี SET เพิ่มขึ้น 0.67% มาปิดสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 1,668.66 จุด จากระดับ 1,657.62 จุด ณ สิ้นปี 2564 โดยหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงในช่วงครึ่งแรกของปี โดยมีปัจจัยลบจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด สงครามรัสเซีย-ยูเครน การระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย ตลอดจนการล็อกดาวน์ในหลายเมืองของจีน อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค. โดยมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว การส่งสัญญาณชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย่อตัวลง และแรงหนุนเพิ่มเติมที่เข้ามาในช่วงปลายปีจากข่าวการเตรียมเปิดประเทศของจีน
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ม.ค. 2566) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีนรวมถึงแผนรับนักท่องเที่ยวจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนธ.ค. และบันทึกการประชุมเฟด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI เดือนธ.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น