ดัชนีหุ้นไทยหลุดแนว 1,400 จุดในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงแรก โดยแม้จะมีปัจจัยลบจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของไทยที่ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากการที่ตลท. ส่งสัญญาณคุมเข้มการทำ Naked Short Selling อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ หลังบันทึกการประชุมเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะมีการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยอีก หากเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามเป้า ประกอบกับเผชิญแรงขายของหุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานจากความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าคาด รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงจากประเด็นการเลื่อนประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส
ในวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,397.43 จุด ลดลง 1.30% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,617.56 ล้านบาท ลดลง 25.62% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.56% มาปิดที่ระดับ 400.18 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,390 และ 1,375 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,415 และ 1,430 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค. ของไทย การประชุมกนง. (29 พ.ย.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติและการประชุมโอเปกพลัส (30 พ.ย.) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนต.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 3/66 (prelim.) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น