ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ตลาด BEV ไทยปี 2566 หากทำได้ดีมีโอกาสทำยอดขายแตะ 50,000 คัน เติบโตกว่า 270% (YoY) ดันส่วนแบ่งตลาดของยอดขายรถ BEV เพิ่มขึ้นไปเป็นไม่น้อยกว่า 5.8% ของยอดขายรถยนต์รวมของไทยที่คาดว่าจะอยู่ที่ 865,000-895,000 คัน แม้ว่าตลาด BEV ไทยจะยังมีปัจจัยกดดันอยู่จากเรื่องระบบ Ecosystem ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการรออะไหล่ที่ยาวนานเนื่องจากยังไม่มีฐานผลิตในไทย ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ก็ยังมีปัจจัยโดยปัจจัยบวกที่สนับสนุนตลาด BEV ได้แก่
-
ปัจจัยด้านอุปสงค์ จากความต้องการรถ BEV ที่ยังอยู่ในระดับสูง อันเป็นผลของ (1) มาตรการกระตุ้นด้านราคาที่ถูกจุดจากทางภาครัฐ และ (2) การเร่งกระจายจุดชาร์จรถไฟฟ้าให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งาน
-
ปัจจัยด้านอุปทาน โดยมีสัญญาณบวกจาก (1) สถานการณ์การขาดแคลนชิปในการผลิตรถยนต์ที่เริ่มคลี่คลายขึ้น (2) ค่ายรถต่าง ๆ ส่งสัญญาณบุกตลาดในไทยมากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวรถ BEV รุ่นใหม่ในไทยปีนี้หลายรุ่นหลาย Segment (3) ยอดขาย BEV ในจีนตกลงมาก หลังรัฐบาลกลางจีนไม่ต่ออายุมาตรการให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถยนต์ BEV ทำให้จีนมีโอกาสส่งออกมาทำตลาดในไทยมากขึ้น ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ปี 2566 สัดส่วนยอดขาย BEV ของค่ายรถจีนในไทยอาจเพิ่มขึ้นเป็น 85% ของยอดขาย BEV รวม จากปี 2565 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 78%
ในระยะถัดไป การแข่งขันในตลาด BEV ไทยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เมื่อหลายค่ายรถยังรุกตลาดต่อเนื่องและผู้บริโภคมีข้อมูลใหม่ ๆ ในด้านประสบการณ์การใช้รถ BEV ดังนั้นค่ายรถที่จะประสบความสำเร็จในไทยต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง มีการลงทุนเรื่องการบริการหลังการขาย การซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่ได้รวดเร็ว น่าเชื่อถือและทั่วถึง ซึ่งการเข้ามาลงทุนในไทยก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้มากขึ้น
|
Click ชมคลิป
ยอดขาย BEV ในไทยปี 66 มีลุ้น...แตะ 50,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 5.8% ของยอดขายรถยนต์รวม |
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น