ปัจจุบัน การแข่งขันของตลาดรถยนต์ในไทยเปลี่ยนแปลงไปพอควร โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ BEV หลังไทยพยายามเปิดรับการลงทุนเพื่อรักษาอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ให้ยังอยู่ในประเทศให้ได้มากที่สุด ด้วยการเร่งให้การสนับสนุนต่าง ๆ ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 ทำให้ตลาดรถยนต์ BEV ในประเทศกลับมาคึกคักทันที ส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่เคยมองไว้เมื่อต้นปี 2565 ว่า ยอดขายรถยนต์ BEV ปีนี้ีโอกาสพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 10,000 คัน เข้าใกล้ความจริงมากขึ้น และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ BEV จะยังคงเร่งตัวต่อเนื่องในปีถัด ๆ ไป
ในช่วง 4 ปี ที่รัฐบาลใช้มาตรการสนับสนุนตลาดรถยนต์ BEV นี้ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ BEV ที่จะเร่งทำตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยค่ายรถที่มีรถยนต์ BEV พร้อมทำตลาด เช่น จีนหรือไทยที่จับพันธมิตรกับจีน ต่างก็เร่งลุยทำตลาดทันทีเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดก่อน และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เช่นเดียวกับค่ายรถตะวันตกที่็เตรียมจะเข้ามาลุยตลาดด้วย โดยมีโอกาสที่ราคาจะขยับลงมาชนกับรถยนต์ BEV ญี่ปุ่นระดับราคาใกล้ 2 ล้านบาท ส่วนค่ายรถญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าตลาดเดิมแม้จะยังเน้นรถยนต์ไฮบริดเพื่อสร้างรายได้จากกลุ่มผู้ซื้อที่ยังกังวลการในใช้รถยนต์ BEV แต่ก็พร้อมหาจังหวะเหมาะเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาด BEV ก่อนมีคู่แข่งน่ากลัวรายใหม่ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ในระยะสั้นส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ BEV อาจเป็นของผู้เล่นที่มีความพร้อมนำเสนอรถยนต์ BEV ออกมาได้ก่อน แต่ในระยะยาว ส่วนแบ่งตลาดอาจเปลี่ยนไป เพราะตลาดรถยนต์ BEV ของไทยและโลกยังเป็นตลาดใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยี BEV ก็เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและยังพัฒนาได้อีกมาก อีกทั้ง ผู้ซื้อรถในไทยยังพิจารณาปัจจัยอีกหลายด้านก่อนซื้อ อาทิ บริการหลังการขาย ความพร้อมอะไหล่ และราคาจำหน่ายในตลาดมือสอง ซึ่งในระยะยาว ค่ายรถที่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดีกว่าก็มีโอกาสจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ทั้งนี้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ BEV ก่อนในตลาดรถเช่าระยะยาว หลังองค์กรต่าง ๆ เริ่มปรับเข้าสู่โหมด Carbon Neutral อีกทั้ง เทรนด์การถือครองรถในอนาคตอาจเปลี่ยนไป โดยตลาดรถเช่าระยะยาวอาจเติบโตไปได้ถึงระดับผู้เช่าบุคคลรายย่อย ซึ่งจะยิ่งทำให้ตลาดรถยนต์ BEV ในกลุ่มนี้ขยายตัวรวดเร็วขึ้น
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น