Display mode (Doesn't show in master page preview)

13 มกราคม 2565

Econ Digest

อนาคต BEV ไทย

คะแนนเฉลี่ย

​รัฐบาลเตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นความต้องการรถยนต์ BEV ในประเทศ ด้วยการเข้ามาช่วยเหลือเรื่องของระดับราคาให้ใกล้เคียงกับรถยนต์ใช้น้ำมันมากขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ค่ายรถที่จะได้รับประโยชน์อาจจะเป็นเพียงกลุ่มค่ายรถที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและมีฐานการผลิตอยู่ในไทย หรือกลุ่มที่กำลังมีแผนจะลงทุนให้ไทยขึ้นเป็นฐานผลิตรถยนต์ BEV ในระยะอันใกล้  โดยเฉพาะค่ายรถจีนที่มีเทคโนโลยีอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับค่ายรถหรูจากตะวันตกที่อาจให้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกสำหรับรถยนต์ BEV พวงมาลัยขวา แต่สำหรับค่ายรถญี่ปุ่นอาจมีเพียงบางค่าย เนื่องจากประเด็นความพร้อมด้านเทคโนโลยี


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ผลของมาตรการดังกล่าว จะทำให้ปี 65 ยอดขายรถยนต์ BEV ในประเทศปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4,000- 5,000 คัน จากที่คาดว่าจะทำได้ 2,000 คันในปี 64 โดยแม้ตัวเลขยอดขายปี 65 จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5%-0.6% ของยอดขายรวมทั้งปีที่คาดว่าจะทำได้ 780,000-820,000 คัน ทว่าหากมาตรการที่ออกมาสามารถกระตุ้นทั้งฝั่งผู้ซื้อและค่ายรถได้ดี ก็มีโอกาสที่ยอดขายจะเพิ่มจำนวนขึ้นในอัตราเร่งในปีถัดๆไป จนอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 25,000 คันในปี 68 เมื่อสิ้นสุดโครงการ โดยประเภทรถยนต์ BEV ที่จะเข้ามาทำตลาดได้ในช่วงแรกคือรถยนต์นั่ง ทั้งนี้ในนั้นกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดต่างๆ น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีตามเทรนด์ความนิยมของตลาดโลกในขณะนี้


อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าสิ่งที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นควบคู่กันไปด้วยก็คือความสะดวกในการเข้าถึงจุดชาร์จไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ BEV ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในรุ่นระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ และส่วนใหญ่อาจไม่สะดวกติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟที่บ้าน  โดยสิ่งที่ภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันผลักดันให้เกิด คือ 1) การเพิ่มจำนวนจุดชาร์จไฟฟ้าที่มีหัวจ่ายแบบ DC หรือระบบชาร์จเร็ว รวมถึงขยายจุดชาร์จไฟฟ้าหัวจ่ายแบบ AC ตามที่จอดรถสาธารณะหรือที่ให้เช่า อาคารสำนักงาน หรือคอนโดที่อยู่อาศัย 2) การสร้างระบบจัดการข้อมูลในการจองหรือเลือกจุดชาร์จที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย ผ่านแอปพลิเคชันที่สามารถจัดการระบบ Big data โดยเฉพาะข้อมูลจุดชาร์จของผู้ให้บริการแต่ละค่ายได้อย่างเหมาะสมครอบคลุมในแบบ real time

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest