Display mode (Doesn't show in master page preview)

17 กุมภาพันธ์ 2565

Econ Digest

เงินทุนต่างชาติไหลเข้า หนุนบาทแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน

คะแนนเฉลี่ย

​         นับจากต้นปี 2565 เป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยใน ช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ต่างชาติพลิกจากที่ขายสุทธิหุ้นไทยสะสม 48,577 ล้านบาทในปี 2564 มาเป็นซื้อสุทธิหุ้นไทยสะสม 64,580 ล้านบาท พร้อมๆ กับเพิ่มการถือครองพันธบัตรไทยอีก 127,778 ล้านบาท ทำให้ยอดถือครองพันธบัตรไทยโดยนักลงทุนต่างชาติขยับสูงขึ้นไปแตะ 1.15 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7.67% ของยอดคงค้างพันธบัตรไทยโดยรวม นับเป็นสถิติสัดส่วนการถือครองพันธบัตรไทยโดยต่างชาติที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี



         กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยดังกล่าว กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในปีนี้ (หลังจากที่อ่อนค่าลงไปถึง 10.4% ในปี 2564) ท่ามกลางมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปีก่อน ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 17 ก.พ. 2565 เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนที่ 32.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ หรือแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 3.8% เมื่อเทียบกับระดับสิ้นปี 2564 และกลายเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้ แรงหนุนเงินบาทในระยะนี้ยังน่าจะมาจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ที่เชื่อมโยงกับการส่งออกทองคำในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

         ในการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น นอกจากจะคาดหวังผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทางการเงินที่เข้ามาลงทุนแล้ว คงคาดหวังอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (ในกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น) ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้คงต้องรอติดตามว่า สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจไทย และเงื่อนไขอื่นๆ ที่ทำให้ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณการลดงบดุลในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest