Display mode (Doesn't show in master page preview)

14 กรกฎาคม 2564

Econ Digest

เงินบาท...ยังอ่อนค่า อาจแตะ 33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนสิ้นปี 64

คะแนนเฉลี่ย

เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสัญญาณความเสี่ยงที่ชัดเจนมากขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ระลอกสามที่มีแนวโน้มยากควบคุม เพราะต้องรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์ โดยเงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 15 เดือน ที่ 32.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อ-ขายในวันที่ 9 ก.ค.  64 ความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อยังเพิ่มแรงกดดันต่อสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยให้ขาดดุลมากขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่า ปัจจัยพื้นฐานของค่าเงินบาทกำลังอ่อนแอลง พร้อม กับความเสี่ยงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ​ไทยในระยะที่เหลือของปี   

คงต้องยอมรับว่า ความเสี่ยงจากวิกฤตโควิดเป็นตัวแปรสำคัญที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบการระบาดในปี 63 และ 64 การกลับมาฟื้นตัวของเงินบาทในปี 64  จะต้องเผชิญกับเงื่อนไข​ข้อจำกัดที่ท้าทายกว่าอย่างน้อย 2 ด้าน ได้แก่ 1) การระบาดของโควิดรอบสามยืดเยื้อและกินเวลานานกว่าการระบาดรอบแรก ทำให้จังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีความไม่แน่นอนสูง และ 2) เศรษฐกิจสหรัฐฯ และไทยมีจังหวะการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้เฟดเข้าสู่ช่วงเวลาที่ทยอยส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินได้ก่อน  

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เงินบาทมีความเป็นไปได้ที่จะอ่อนค่าต่อเนื่องไปทดสอบระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก่อนสิ้นปี 64 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโค​วิดในประเทศยังไม่ลดระดับความเสี่ยงลงมา และเฟดสามารถเริ่มทยอยส่งสัญญาณเตรียมคุมเข้มนโยบายการเงินได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ปี 64 ตามที่ตลาดประเมินไว้  อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ไม่แรง หรือเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิดอีกระลอก ก็อาจส่งผลทำให้ตลาดต้องกลับมาประเมินการคาดการณ์ในเรื่องจังหวะการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ใหม่อีกครั้ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่า และอาจช่วยหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ โดยเฉพาะหากสถานการณ์โควิดในประเทศคลี่คลายลง ​


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest