Display mode (Doesn't show in master page preview)

22 มีนาคม 2564

Econ Digest

ขาขึ้น...บอนด์ยีลด์ไทย เพิ่มภาระดอกเบี้ยให้ภาครัฐและเอกชน ราว 9,050-10,800 ล้านบาท

คะแนนเฉลี่ย

                อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (บอนด์ยีลด์ไทย) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โดยในส่วนของบอนด์ยีลด์ไทยอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 2.05% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 (สูงสุดในรอบ 2 ปี 8 เดือน)  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า น่าจะยังเห็นแนวโน้มขาขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และบอนด์ยีลด์ไทย ในช่วงที่เหลือของปี 2564 คาดว่า บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี อาจขยับสูงขึ้นไปที่ 1.80% ซึ่งภาวะดังกล่าว อาจส่งผลทำให้บอนด์ยีลด์ไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่องเหนือระดับ 2.00% ในปีนี้

               การขยับขึ้นของบอนด์ยีลด์ไทย ซึ่งเป็นตัวอ้างอิงต้นทุนการระดมทุนผ่านตลาดพันธบัตร ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทย ต้องแบกรับต้นทุนดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม ทั้งๆ ที่สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ อาจมีผลกระทบต่อต้นทุน การระดมทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นับเป็นเม็ดเงินที่ทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 9,050-10,800 ล้านบาท 

                ​ในส่วนของภาครัฐนั้น ประเมินว่า จะมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 3,550-4,600 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบมากนักต่อฐานะและเสถียรภาพด้านการคลัง เพราะยังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับกรอบวงเงินงบประมาณโดยรวม อีกทั้ง ภาครัฐค่อนข้างมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการช่องทางการระดมทุน  ขณะที่ในส่วนของภาคเอกชน อาจมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 5,500-6,200 ล้านบาท โดยภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นสำหรับบริษัทแต่ละราย มีความแตกต่างกัน ตามอันดับเครดิต สถานะทางการเงิน และความสามารถในการพลิกฟื้นรายได้ของแต่ละกิจการ ซึ่งหากสถานการณ์ของบริษัทกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจภาพรวม ก็น่าจะสามารถรับมือกับแรงกดดันจากภาระในส่วนนี้ไปได้ แต่สำหรับผู้ออกหุ้นกู้บางบริษัท คงต้องยอมรับว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ น่าจะยังเป็นข้อจำกัดในการฟื้นฟูกระแสรายได้ของกิจการ รวมถึงเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับการบริหารต้นทุนทางการเงิน และการมองหาทางเลือกการระดมทุนอื่นๆ เพื่อเสริมสภาพคล่องในระยะนี้

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest