Display mode (Doesn't show in master page preview)

9 พฤษภาคม 2568

Econ Digest

เดือน เม.ย. 2568 ส่งออกจีนไปสหรัฐฯ ลดลง 21% YoY หลังสหรัฐฯ เรียกเก็บ Reciprocal Tariffs จีนสูงถึง 125%

คะแนนเฉลี่ย
  • หลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษี Reciprocal tariffs กับจีนสูงถึง 125% ส่งออกจีนไปสหรัฐฯ เดือนเม.ย.68 ปรับลดลง -21.0% YoY จาก +9.1%YoY ในเดือนมี.ค.68 อย่างไรก็ดี การส่งออกจีนไป ASEAN ยังเร่งตัวขึ้นอยู่ที่ +20.8%YoY นำโดยการส่งออกไปอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ทดแทนการหดตัวจากการส่งออกไปสหรัฐฯ หนุนให้การส่งออกจีนเดือนเม.ย.68 ยังเติบโตได้ที่ 8.1%YoY จาก 12.4%YoY ในเดือนมี.ค.68 (รูปที่ 1) โดยจีนยังเกินดุลการค้าอยู่ที่ 96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ในระยะข้างหน้าการส่งออกจีนไปสหรัฐฯ คาดยังมีทิศทางชะลอลง ขณะที่การส่งออกไป ASEAN เพื่อทดแทนคาดลดลง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนในเดือนเม.ย.68 ลดต่ำลงกว่าระดับขยายตัวอยู่ที่ 49 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน นอกจากนี้ การระงับ Reciprocal tariffs ชั่วคราวของสหรัฐฯ กับประเทศอื่น ๆ จะสิ้นสุดลงในอีก 2 เดือนข้างหน้า
  • อย่างไรก็ดี ระดับของการชะลอลงของการส่งออกยังขึ้นอยู่กับผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คาดจะเกิดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์สัปดาห์นี้ โดยสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดภาษีสินค้านำเข้ากับจีน หลังช่วงที่ผ่านมาทางสหรัฐฯ มีท่าทีที่อ่อนลงในการปรับขึ้นภาษีกับจีน เนื่องจากสหรัฐฯ ยังต้องพึ่งพาสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนในระดับสูง  การย้ายฐานการผลิตยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้เร็ว ซึ่งอัตราภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบทางตรงกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ  (รูปที่ 2) 
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าส่งออกจีนปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวอย่างน้อย 3% แม้คาดว่าจะมีการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยอัตราภาษีนำเข้าระหว่างอาจปรับลดลงจากระดับปัจจุบัน แต่มาตรการการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความไม่แน่นอนทางการค้ายังคงมีอยู่  

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น