เงินเฟ้อจีนเดือนพ.ค.67 เป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่
- เงินเฟ้อจีนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ดัชนีเงินเฟ้อของจีนในเดือนพ.ค.67 ขยายตัวในอัตราเดียวกับเดือนเม.ย.67 อยู่ที่ 0.3%YoY ได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีราคาสินค้าในส่วนของภาคบริการ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ และการท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ แม้ดัชนีราคาเนื้อหมู (+4.6%YoY) และผักสด (+2.3%YoY) ปรับเพิ่มขึ้น แต่ดัชนีราคาอาหารภาพรวมยังเป็นปัจจัยกดดันเงินเฟ้อให้ขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.6%YoY
- ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 แต่การปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองแดง และทองคำ ส่งผลให้ระดับการชะลอตัวลดลงโดยในเดือนพ.ค.67 ดัชนีราคาผู้ผลิตอยู่ที่ -1.4%YoY จาก -2.5%YoY ในเดือนเม.ย. 67 ทั้งนี้ ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ยังคงปรับตัวลดลง ในระยะต่อไปคาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตจะยังได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในบางอุตสาหกรรมของจีน
- ในช่วงที่เหลือของปี 2567 เงินเฟ้อมีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกโดยได้รับปัจจัยหนุนจากฐานที่ต่ำ และการปรับขึ้นค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่ารถไฟฟ้าความเร็วสูง และค่าน้ำประปา เป็นต้น ที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยหนุนจากฝั่งอุปทานต่อเงินเฟ้อจีน แต่จะลดทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคทำให้การปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่จำกัด นอกจากนี้ดัชนีราคาผู้ผลิตที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวจะยังเป็นปัจจัยกดดันราคาสินค้า
- อุปสงค์ในประเทศจีนมีทิศทางขยายตัวได้ในกรอบจำกัดสะท้อนจากดัชนียอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.67 ที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงอยู่ที่ 2.3%YoY จาก 3.1% YoY นำโดยภาคบริการเป็นสำคัญ (+4.4%YoY) ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมุมมองต่อตลาดแรงงาน โดยอัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวในเดือนเม.ย.67 ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 14.7%
- มาตรการหนุนเศรษฐกิจยังมีความจำเป็นในการเข้ามาฟื้นฟูความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยคาดว่าธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ทางการจีนน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะจุดออกมาเพิ่มเติม เช่น มาตรการดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ ติดตามการประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่สาม (Third Plenum) ของจีนในเดือนก.ค.67 นี้
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น