Display mode (Doesn't show in master page preview)

26 พฤศจิกายน 2564

Econ Digest

KResearch : วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจ (26 พฤศจิกายน 2564)

คะแนนเฉลี่ย
​​บาทอ่อนต่อทดสอบ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ เช้านี้...หนุนจังหวะผู้ส่งออกขายดอลลาร์ฯ

- ตลาดหุ้นเอเชียมีทิศทางปะปนตามปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศ อาทิ ฮ่องกงและญี่ปุ่นที่ได้แรงซื้อคืนในหุ้นกลุ่มเทคฯ ขณะที่หุ้นเกาหลีใต้ปิดติดลบ หลังได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางเกาหลีใต้ เพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 104.2% ต่อจีดีพี ส่วนตลาดหุ้นจีนปรับลง เนื่องจากทางการจีนตรวจสอบการลงทุนของกองทุนประกันวินาศภัย ที่มีข่าวการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากการที่บริษัทพัฒนาอสังหาฯ จีนยื่นเรื่องขอยืดอายุไถ่ถอนหุ้นกู้ offshore วงเงิน 400 ล้านดอลลาร์ฯ ออกไปอีก 1.5 ปี ซึ่งสะท้อนว่ายังมีแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากปัญหาทางการเงินและการหาสภาพคล่อง
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ตามแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม Defensive อาทิ Healthcare ท่ามกลางสถานการณ์โควิดในยุโรปที่รุนแรงขึ้น ขณะที่ ตลาดหุ้นและตลาดการเงินหลายส่วนของสหรัฐฯ ปิดทำการ
- เงินดอลลาร์ฯ ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดและบันทึกการประชุมของเฟดที่สะท้อนโอกาสการปรับจังหวะการลดวงเงิน QE ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่ปรับลด 15,000 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน โดยเฟดจะประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้ เพื่อสรุปจังหวะการลดวงเงิน QE ที่จะมีผลในเดือนมกราคมปี 2565 รวมถึงรอติดตาม Dot Plot ใหม่ของเฟดเองว่า จะชี้ถึงโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าหรือไม่
- เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์วานนี้ที่ 33.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยนอกจากจะถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าแล้ว ยังมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากเม็ดเงินต่างชาติไหลออกจากตลาดพันธบัตร...เช้านี้ เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องทดสอบแนว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ 
- ปัจจัยติดตามในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) การประชุมองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับไวรัสโควิดสายพันธ์ุใหม่ในแอฟริกาใต้ 2) Fund Flows ว่าจะมีการเทขายบอนด์ไทยเพิ่มเติมหรือไม่ 3) ตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ต.ค.

 


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest