ภัยแล้งปี 64 กระทบข้าวนาปรังระดับภูมิภาครอติดตามปริมาณน้ำฝน

              สถานการณ์ภัยแล้งปี 2564 (ม.ค.–เม.ย. 2564) นับว่าไม่รุนแรง และน่าจะรุนแรงน้อยกว่าปี 2563 โดยพิจารณาจากปริมาณน้ำในเขื่อนที่ลดลงเพียง 7.3% (YoY) ซึ่งเป็นการลดลงเฉพาะในภาคตะวันตกเท่านั้น ขณะที่ภาคอื่นยังมีปริมาณน้ำในเขื่อนมากกว่าปีก่อน 

 

              ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ภาวะภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ในบางพื้นที่จนต่อเนื่องไปถึงเดือนเม.ย. น่าจะไม่กระทบต่อผลผลิตข้าวนาปรังอย่างมีนัยสำคัญ หรือมีผลกระทบอยู่ในวงจำกัด และเป็นผลกระทบแค่ในระยะสั้นเท่านั้น โดยคาดว่าผลผลิตข้าวนาปรังน่าจะขยับขึ้นได้เล็กน้อย (เทียบจากฐานที่ต่ำในปีก่อน) ไปอยู่ที่ราว 4.4-4.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.5-5.5% อย่างไรก็ดี ปริมาณผลผลิตคาดการณ์ข้าวนาปรังนี้ ยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต (ปี 2559-2563) ที่ราว 5.6 ล้านตัน สำหรับในส่วนของราคาคาดการณ์เฉลี่ยข้าวนาปรังอยู่ที่ 8,800-9,000 บาทต่อตัน ลดลง 1.5-3.7% (YoY) ทั้งนี้ มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจอาจไม่เกิดขึ้นหากปริมาณน้ำฝนคาดการณ์มาตามปกติ แต่ถ้าหากปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ก็อาจทำให้มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

              ​อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามระยะเวลาและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะ รวมถึงสภาพภูมิอากาศในช่วง 2 เดือนข้างหน้า เนื่องจากยังไม่สิ้นสุดฤดูแล้งและยังอาจมีพายุฤดูร้อนเพิ่มเติมเข้ามาได้อีก และแม้การประเมินผลกระทบจากภัยแล้งจนถึงขณะนี้ว่ายังไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตพืชเกษตรหลักของไทยอย่างข้าวนาปรังอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในระดับภูมิภาค ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อคนในท้องที่ที่เดิมส่วนใหญ่ก็เผชิญความยากลำบากอยู่ก่อนแล้ว จากปัญหาต่าง ๆ โดยจะยิ่งเป็นปัจจัยฉุดรั้งให้ภาพรวมความต้องการสินค้าเกษตรอยู่ในภาวะที่เติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร