ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศ “กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563” เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2563 เป็นต้นไปนั้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การออกมาตรการห้ามดังกล่าว นับว่าส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของไทย จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ตามมาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี การจะลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่มาจากนอกประเทศได้อย่างแท้จริงนั้น คงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว ซึ่งยังมีการนำเข้าในปริมาณที่สูง โดยในปี 2562 สินค้าในกลุ่มนี้มีมูลค่าการนำเข้าถึง 59.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ถึงแม้ว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว จะสามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยบางส่วนที่ยังใช้งานได้ก็จะเข้าสู่ตลาดสินค้ามือสอง หรือเข้าสู่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ทดแทนสินค้าเดิม (REM) อย่างไรก็ดีสินค้ามือสองเหล่านี้จะมีอายุการใช้งานสั้น และสุดท้ายอาจต้องกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องมีต้นทุนในการกำจัด
ดังนั้น การวางมาตรการการนำเข้าที่รัดกุมกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มือสอง เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญในระยะต่อไป เพื่อไม่ให้ต่างชาติใช้ช่องว่างนี้ ใช้ไทยให้กลายเป็นที่ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยอาจออกเป็นกฎ เช่น ผู้นำเข้าต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่า นำเข้ามาใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มได้จริง เป็นต้น
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น