Display mode (Doesn't show in master page preview)

30 กันยายน 2564

Econ Digest

ส่งออก...แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ปี 64 คาดทั้งปี โต 12.4%

คะแนนเฉลี่ย
​​เดือนส.ค. โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่มีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศในเอเชีย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคการผลิต กดดันให้ตัวเลขการส่งออกโตชะลอตัวลง โดยการส่งออกของไทยเดือนส.ค. 2564 ขยายตัว 8.93% ชะลอลงจาก 20.3% ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธยุทธปัจจัย ตัวเลขการส่งออกในเดือนส.ค. ยังขยายตัวได้ที่ 19.43% สะท้อนความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง

กิจกรรมทางเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญของไทยหลายประเทศเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เดือนส.ค. 2564 การส่งออกไปในประเทศคู่ค้าสำคัญโตชะลอลง โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ โต 16.2% จาก 22.2% ในเดือนก.ค. การส่งออกไป CLMV หดตัว 0.03% หลังการส่งออกไปเวียดนามปรับตัวลดลงอย่างมากที่ -17.2% อย่างไรก็ดี การส่งออกไปสหภาพยุโรป 27 ยังขยายตัวได้ที่ 16.1% ขณะที่จีนแม้มีการปิดเมืองบางแห่งแต่การส่งออกไปจีนยังเติบโตได้ที่ 32.3% ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายสินค้าพบว่าสินค้าที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน สินค้าที่เกี่ยวกับการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาดยังขยายตัวได้ดี ในขณะที่สินค้าที่เกี่ยวกับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรบางรายการได้รับผลกระทบจากการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์โรงงาน อย่างไรก็ดี การส่งออกข้าวพลิกกลับมาโตเพิ่มขึ้นที่ 25.4% โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าทำให้ราคาข้าวลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับเวียดนามและอินเดียได้มากขึ้น ด้านสินค้าสิ้นเปลืองที่มีราคาสูง เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ยังขยายตัวได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดส่งออกปี 2564 โต 12.4% โดยในช่วงที่เหลือปีนี้การส่งออกยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ว่าจะเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดในโรงงาน แต่มาตรการรัฐและการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของคู่ค้าสำคัญจะช่วยหนุนให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น โดยการเติบโตของการส่งออก 4 เดือนที่เหลือปีนี้จะมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง แต่อาจชะลอลงเล็กน้อยจากช่วง 8 เดือนแรก เพราะปัจจัยฐานต่ำและการชดเชยอุปสงค์ที่ค้างจากช่วงก่อนมีแนวโน้มคลี่คลายลง 


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest