Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 กุมภาพันธ์ 2568

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 3-7 ก.พ. 68)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาทปรับตัวผันผวนในกรอบประมาณ 33.50-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามประเด็นข่าวภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติซึ่งอยู่ในฝั่งขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตรไทย และการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หลัง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากับแคนาดา เม็กซิโก และจีน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่ากลับมาช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังสหรัฐฯ เลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้ากับแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 30 วัน ประกอบกับจีนได้ประกาศมาตรการทางภาษีกับสหรัฐฯ (มีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพิ่มในอัตรา 10-15%) นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของราคาทองคำในตลาดโลกซึ่งมีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-14 ก.พ. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.10-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ถ้อยแถลงของประธานเฟด สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค. ของจีน และข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซนและอังกฤษ


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ตลาดหุ้นไทยปิดลบต่อเป็นสัปดาห์ที่สามตามความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าและแรงขายหุ้นบิ๊กแคป ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรง หลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโกและจีน และจีนก็ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ในเวลาต่อมาด้วยเช่นกัน ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องในระหว่างสัปดาห์ โดยมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง หลังตลท. มีแนวคิดที่จะกำหนดให้หลักทรัพย์รายตัวที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี SET50, SET50FF, SET100 SET100FF มีน้ำหนักไม่เกิน 10% นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยในภาพรวมยังมีปัจจัยกดดันจากการที่หุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับการซื้อกิจการคืน ประกอบกับน่าจะมีแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดที่เข้ามาเป็นปัจจัยลบของตลาดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยลดช่วงลบได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี 3 เดือนที่ 1,252.26 จุด โดยมีแรงหนุนจากหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมและบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานจากประเด็นการจ่ายเงินปันผล รวมถึงแรงซื้อคืนหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่โดนเทขายอย่างหนักก่อนหน้านี้
  • สัปดาห์ที่ 10-14 ก.พ. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,250 และ 1,235 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,310 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ของบจ.ไทย นโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค. 2568 ของญี่ปุ่น ตลอดจนยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนม.ค. 2568 ของจีน 

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น