สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทแข็งค่าสุดรอบ 7 เดือน แต่พลิกอ่อนค่ากลับมาหลังผลการประชุมเฟด ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือนที่ 32.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก สถานะของเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย และแรงหนุนต่อค่าเงินเอเชียในภาพรวมตามการคาดหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ น่าจะมีสัญญาณเชิงบวกในช่วงข้างหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยล้างช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาตามทิศทางของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย และเงินหยวนที่มีปัจจัยลบจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยและ RRR ลงเพื่อประคองทิศทางเศรษฐกิจจีนที่เผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้า ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้น หลังการประชุมเฟดซึ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ไว้ที่กรอบเดิม 4.25-4.50% ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากการสรุปดีลการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษ และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมาดีกว่าที่คาด
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 12-16 พ.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.60-33.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่กลับมาปิดบวกได้ช่วงท้ายสัปดาห์ ขานรับข่าวสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับอังกฤษ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศหลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของไทยพลิกติดลบ ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าจีนเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงสหรัฐฯ และจีนเตรียมเจรจาการค้าในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงในเวลาต่อมาหลังตอบรับประเด็นบวกข้างต้นไปพอสมควร ขณะที่นักลงทุนประเมินว่า ต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ขานรับข่าวสหรัฐฯ-อังกฤษบรรลุข้อตกลงการค้า (แต่สหรัฐฯ ยังคงอัตราภาษีพื้นฐาน 10% ไว้ตามเดิม)
- สัปดาห์ที่ 12-16 พ.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,195 และ 1,185 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น