Display mode (Doesn't show in master page preview)

14 มกราคม 2566

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 9-13 ม.ค. 66)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือนที่ 32.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ ประกอบกับภาพรวมของสกุลเงินเอเชียขยับแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินหยวนและค่าเงินเยน  นอกจากนี้เงินบาทยังเพิ่มช่วงบวกได้ต่อจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ชะลอลง ซึ่งยิ่งหนุนมุมมองว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 25 bps. ในการประชุมปลายเดือนนี้
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค. 2566 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม BOJ การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ยอดค้าปลีกและดัชนี PPI เดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ จีดีพีไตรมาส 4/65 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนและอังกฤษเดือนธ.ค.


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • SET Index ย่อตัวลง หลังดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความคาดหวังว่าเฟดจะชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับมีแรงหนุนจากแรงซื้อต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังจากตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควรทั้งประเด็นทิศทางดอกเบี้ยของเฟด และการเปิดประเทศของจีน ประกอบกับเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการขายทำกำไรของกองทุนลดหย่อนภาษีที่ครบกำหนด
  • สัปดาห์ที่ 16-20 ม.ค. 2566 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,670 และ 1,650 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,710 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 ของบจ. ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ การประชุม BOJ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น