Display mode (Doesn't show in master page preview)

19 พฤษภาคม 2566

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 15-19 พ.ค. 66)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ช่วงต้นสัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 ของไทยที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยในประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล และแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากบอนด์ยีลด์ที่ขยับขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีและเจ้าหน้าที่เฟดยังมีท่าทีในเชิงคุมเข้ม นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่าขึ้นท่ามกลางความหวังว่า จะเห็นความคืบหน้าของผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน       
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค. 2566 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.00-34.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย. และสถานการณ์การเมืองไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 2-3 พ.ค. การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนพ.ค. ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI เดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • หุ้นไทยปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี 2 เดือน ท่ามกลางแรงฉุดจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าไฟฟ้าและลดปัญหาการผูกขาด ซึ่งกระตุ้นแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าและสื่อสาร นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังไม่ส่งสัญญาณถึงโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ย อนึ่ง หุ้นไทยฟื้นตัวช่วงสั้นๆระหว่างสัปดาห์ก่อนจะร่วงลงต่อในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง
  • สัปดาห์ที่ 22-26 พ.ค. 2566 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,500 และ 1,475 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,535 และ 1,555 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟด สถานการณ์การเมืองในประเทศ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI เดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยูโรโซน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของจีน

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น