สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาททยอยแข็งค่ากลับมาตามแรงหนุนทองคำในตลาดโลก ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้น ๆ ต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากสัญญาณของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งสะท้อนท่าทีระมัดระวังต่อแรงกดดันเงินเฟ้อและอาจไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์สอดคล้องกับค่าเงินเยน (ที่มีแรงหนุนในช่วงแรกจากการคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย) และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก (ซึ่งยังได้รับอานิสงส์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ และประเด็นสงครามการค้า) ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ยังคงถูกกดดันหลังจากบันทึกการประชุมเฟดระบุว่า เฟดมีการหารือกันเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอการปรับลดงบดุลของเฟด ประกอบกับเครื่องชี้ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม หลังตลาดรับรู้การเตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาของสหรัฐฯ ไปแล้วบางส่วน
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 24-28 ก.พ. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (26 ก.พ.) ตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค. ของไทย สัญญาณและรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนม.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (Prelim.) ของสหรัฐฯ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของยูโรโซนและผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามแรงขายหุ้นบิ๊กแคปและความกังวลต่อประเด็นนโยบายการค้าและทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี 3 เดือนครั้งใหม่ที่ 1,236.80 จุดช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงกดดันหลัก ๆ มาจากแรงขายหุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานและหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ตามรายงานข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังเตรียมเปิดกองทุน Thai ESG ใหม่เพื่อรองรับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนด ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในเวลาต่อมาสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบกับบันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่า เฟดไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดีแรงขายของนักลงทุนชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์หลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ อนึ่งสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวได้ดีโดยมีแรงหนุนจากการประกาศจ่ายเงินปันผล รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ขยับขึ้นเช่นกันจากข่าวที่ว่า ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์ LTV
- สัปดาห์ที่ 24-28 ก.พ. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,235 และ 1,225 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,270 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ของไทย การประชุมกนง. (26 ก.พ.) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนม.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (ครั้งที่ 2) ของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของยูโรโซน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น