สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่ง โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการฟื้นตัวกลับมาของราคาทองคำในตลาดโลกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ประกอบกับยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และเงินหยวน ขณะที่ ประเด็นเรื่องการปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody’s มาอยู่ที่ Aa1 ยังคงเป็นปัจจัยลบที่กดดันเงินดอลลาร์ฯ อย่างต่อเนื่อง สวนทางเงินบาทที่มีปัจจัยบวกหนุนตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์จากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของไทยที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทั้งนี้เงินบาทมีทิศทางแข็งค่าเกือบตลอดสัปดาห์ โดยแข็งค่าผ่านแนว 33.00 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 32.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของฐานะการคลังและปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ หลังมีความพยายามเดินหน้าร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่ง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์พยายามผลักดันให้ผ่านสภาคองเกรส
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนเม.ย. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (Prelim.) ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 6-7 พ.ค. ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้าและร่างกฎหมายลดภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น และข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของจีน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยยังปิดลบต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง แม้สถานะนักลงทุนต่างชาติจะอยู่ในฝั่งซื้อสุทธิ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงต้นสัปดาห์จากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย (แม้สศช. จะรายงานว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของไทยขยายตัวได้ 3.1% YoY แต่ก็ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของทั้งปี 2568 ลงมาที่ 1.8%) ก่อนจะขยับขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ เนื่องจากตลาดยังคงมีความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีประเด็นกดดันเพิ่มเติมจากการเลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลวอลเล็ต ประกอบกับมีแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ นอกจากนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความกังวลว่าร่างกฎหมายภาษีฉบับใหม่ของสหรัฐฯ จะทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นก็มีส่วนกดดันบรรยากาศตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค
- สัปดาห์ที่ 26-30 พ.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,165 และ 1,140 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,185 และ 1,200 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟด ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนเม.ย. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (ครั้งที่ 2) ของสหรัฐฯ บันทึกประชุมเฟด กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของจีน ตลอดจนยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น