สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในกรอบแข็งค่าในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2565 โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางเงินหยวนหลังจากที่ทางการจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ นอกจากนี้เงินบาทยังมีแรงหนุนจากทิศทางเงินทุนต่างชาติ ซึ่งกลับมามีสถานะซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนในระหว่างสัปดาห์ ตามจังหวะการฟื้นตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ซึ่งยังคงได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 2-6 ม.ค. 2566 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.00-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนธ.ค. 65 ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. 65 รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ จีน ยูโรโซน และอังกฤษ
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- SET Index ดีดตัวขึ้นมากกว่า 50 จุดในสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีแรงหนุนจากรายข่าวเกี่ยวกับการเตรียมเปิดประเทศของจีนในช่วงต้นปี 2566 รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. ซึ่งยังสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยบวกดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นมากสุดตามแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งจากประเด็นเฉพาะของบริษัท
- สัปดาห์ที่ 2-6 ม.ค. 2566 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน แผนรับนักท่องเที่ยวจีน ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนธ.ค. 65 ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. 65 ตลอดจนดัชนี PMI เดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น