Display mode (Doesn't show in master page preview)

1 สิงหาคม 2567

Econ Digest

เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. แต่ต้องการความมั่นใจเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อมากกว่านี้

คะแนนเฉลี่ย
  • จากการประชุม FOMC วันที่ 30-31 ก.ค. ที่ผ่านมา เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% และจะยังคงดำเนิน QT tapering หรือลดขนาดการทำ QT ต่อเนื่อง โดยระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างมั่นคง ตลาดแรงงานชะลอลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เงินเฟ้อแม้จะยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2%
  • เฟดระบุเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเข้าใกล้จุดที่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและมองความเป็นไปได้ที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. หากเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยเฟดเน้นย้ำจุดยืนว่าหากมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. นั้นก็ไม่มีนัยทางการเมืองแม้จะอยู่ในช่วงเข้าใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
  • อย่างไรก็ดี เฟดยังคงเน้นย้ำว่าต้องการความมั่นใจมากขึ้นกว่านี้ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดก่อนจะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้ายังคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ ส่งผลให้ตลาดมองความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. ลดลงมาต่ำกว่า 90% ขณะที่ตลาดยังคงคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายทั้งหมด 3 ครั้งในปีนี้ แม้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.
  • ทั้งนี้ หลังจากผลการประชุมเฟดออกมาและเฟดส่งสัญญาณความเป็นไปได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลง ขณะที่ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันที่ 1 ส.ค. 2567 แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 35.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 35.53 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest