ในการประชุมกนง. วันที่ 31 พ.ค. ที่จะถึงนี้ คาดว่ากนง.
จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ที่ร้อยละ
0.25 มาอยู่ที่ระดับ 2.00% ทั้งนี้ จากการประชุมกนง. ครั้งก่อน กนง.
ได้ส่งสัญญาณว่ากนง.
อาจยังไม่หยุดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่อาจคาอยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภครวมถึงแนวโน้มราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
ในระยะข้างหน้า ส่งผลให้กนง.
มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อในการประชุมกนง. วันที่ 31
พ.ค. นี้ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ อย่างไรก็ดี
ทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ
ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและจากประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
ขณะที่แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ
ทั่วโลกเริ่มลดลง
เนื่องจากธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเริ่มส่งสัญญาณอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้
ส่งผลให้กนง.
คงจะต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้
ขณะที่ในระยะข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ากนง. มีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.00%
ไปตลอดปี 2566 หากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2566
ตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี
ทิศทางค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะยังคงเผชิญความผันผวน ทั้งนี้
ทิศทางค่าเงินบาทในระยะข้างหน้าคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี
ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะข้างหน้า
โดยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลคงเป็นปัจจัยที่อาจกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ฯ
อาจได้รับปัจจัยหนุนหากเฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อต่างจากที่ตลาดส่วนใหญ่คาด
ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ความต้องการสกุลเงินดอลลาร์ฯ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (safe
haven)
ท่ามกลางความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่มีมากขึ้นคงจะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ
กลับมาแข็งค่าได้
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น