Display mode (Doesn't show in master page preview)

2 ตุลาคม 2568

Econ Digest

การประชุมกนง. 8 ต.ค. 2568 คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% และปรับลด 0.25% ในเดือนธ.ค. 2568

คะแนนเฉลี่ย
        ในการประชุมกนง. วันที่ 8 ต.ค. 2568 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกภายใต้การกำกับของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คุณวิทัย รัตนากร พร้อมด้วยกรรมการใหม่อีก 2 ท่าน คาดว่าที่ประชุมจะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% หลังจากได้ปรับลดลง 0.25% ในการประชุมรอบก่อนหน้าเมื่อเดือน ส.ค. 
  • แม้กรรมการบางส่วนอาจสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง แต่กรรมการส่วนใหญ่อาจยังเห็นชอบให้คงดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรอดูผลจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงก่อนหน้า และเก็บกระสุนนโยบายการเงินไว้ใช้ในจังหวะเหมาะสม หลังจากที่กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 0.75% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตาม ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนในระดับหนึ่ง ภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่เหลือน้อยลง 
  • ธปท. อาจพิจารณาใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท เนื่องจากประสิทธิผลของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายต่อทิศทางค่าเงินบาทอาจมีไม่มากนัก โดยนับตั้งแต่ต้นปีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วกว่า 5.4% YTD (ณ วันที่ 2 ต.ค. 2568) ซึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและการคลังของประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ เป็นหลัก ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา แต่ค่าเงินบาทก็ไม่ได้อ่อนค่าลงตาม ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมจึงอาจไม่ส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ 
  • มาตรการทางการคลังจากรัฐบาลชุดใหม่อาจช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า โดยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น (Quick Big Win) ของรัฐบาล อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัส มาตรการลดค่าพลังงานและค่าโดยสาร รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ตลอดจนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง คาดว่าจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพในระยะสั้น และช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ในระดับหนึ่ง 
        ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ากนง. จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. 68 เพื่อสอดประสานกับนโยบายทางการคลังในการประคองเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/2568 ที่คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงลงและผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ท่ามกลางแนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำใกล้ศูนย์ ขณะที่ เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่ากนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไปมีทิศทางผ่อนคลายมากขึ้น โดยคณะกรรมการชุดใหม่มีแนวโน้มให้น้ำหนักกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งต่างจากคณะกรรมการชุดก่อนที่มุ่งเน้นด้านเสถียรภาพทางการเงินเป็นหลัก

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest