Display mode (Doesn't show in master page preview)

29 ธันวาคม 2568

Econ Digest

ปี 2569 คาดมูลค่าตลาดนมพืชทางเลือกโต 5.0% แต่ยังเสี่ยงแข่งขันรุนแรง

คะแนนเฉลี่ย
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าตลาดนมพืชทางเลือกปี 2569 จะอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท โต 5.0% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาต่อหน่วยที่มีแนวโน้มปรับลดลง การเพิ่มขึ้นของจำนวนผลิตภัณฑ์และช่องทางการขาย ที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น 
• นมพืชทางเลือกยังเผชิญกับการแข่งขันสูง ท่ามกลางต้นทุนการผลิตที่ผันผวนและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจยังขึ้นอยู่กับความสามารถในบริหารจัดการต้นทุนและกลยุทธ์เพิ่มยอดขายและฐานลูกค้า 

เทรนด์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันหนุนคนไทยบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืชเพิ่ม 
        คนไทยบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืชมากขึ้น โดยได้รับหนุนจากเทรนด์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการตระหนักเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนจาก สัดส่วนการบริโภคธัญพืช ผักและผลไม้ของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 15.7% และ 13.0% ในปี 2554 คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 17.7% และ 14.3% ในปี 2568 สวนทางกับการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เดิมอยู่ที่ 21.5% ในปี 2554 อาจปรับลดเหลือ 18.5% ในปี 2568 (รูปที่ 1)
 
ปี 2569 คาดมูลค่าตลาดนมพืชทางเลือกโต 5.0% สูงกว่าภาพรวมตลาดนมและตลาดโปรตีนทางเลือกจากนวัตกรรมใหม่ 
        นมพืชทางเลือก  เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์จากพืชที่มีแนวโน้มเติบโตดี โดยปี 2569 คาดว่า มูลค่าตลาดนมพืชทางเลือกจะอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท โต 5.0% เติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดนมและตลาดโปรตีนทางเลือกจากนวัตกรรมใหม่ ที่คาดจะโต 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ ทั้งนี้ แม้ว่านมพืชทางเลือกจะมีสัดส่วนเพียง 8.7% ของมูลค่าตลาดนมของไทย แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (รูปที่ 2)

 
โดยปัจจัยหนุนการเติบโตของตลาดนมพืชทางเลือก ในปี 2569 มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
- ราคาต่อหน่วยที่มีแนวโน้มปรับลดลง ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น เดิมนมพืชทางเลือกเป็นสินค้า Niche Market ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ คู่แข่งน้อยและมีราคาสูง แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นและบางส่วนสามารถผลิตได้ในประเทศ ทั้งการขอใบอนุญาตผลิตจากแบรนด์ชั้นนำของโลกและการตั้งโรงงานผลิตในไทย ส่งผลให้จำนวนสินค้า แบรนด์และการแข่งขันในตลาดรุนแรงขึ้น

        นอกจากนี้ แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะมีแนวโน้มผันผวน แต่บรรดาผู้ประกอบการก็พยายามทำราคาให้เข้าถึงง่ายเพื่อกระตุ้นอัตราการบริโภค โดยเน้นบริหารจัดการต้นทุนอื่นๆ ทดแทน ดังนั้น ราคาเริ่มต้นของนมพืชทางเลือกในไทย จึงปรับลดลงต่อเนื่องราว 15-50% เมื่อเทียบกับช่วงแรกที่เข้ามาทำตลาด (รูปที่ 3) ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับนมอื่นๆ (รูปที่ 4)

-การเพิ่มขึ้นของจำนวนผลิตภัณฑ์และช่องทางการขาย ทั้งจากการลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของผู้ประกอบการนมในประเทศ ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเน้นตลาดแมส และนมพืชทางเลือกนำเข้ากลุ่มพรีเมียมที่เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง รวมถึงกลยุทธ์ขยายตลาดของธุรกิจจากเดิมที่เน้นตลาด B2C ไปสู่ตลาด B2B โดยเจาะร้านเครื่องดื่มและคาเฟ่ จากการเพิ่มเมนูที่ใช้นมพืชทางเลือกมาเป็นส่วนผสม ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากทดลองและบริโภคซ้ำ
- พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาบริโภคนมพืชทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีข้อกำจัดการบริโภคนมอื่นๆ อาทิ นมวัว/นมถั่วเหลือง ย่อยแลคโตส บกพร่อง จากจุดเด่นที่มีรสชาติ เนื้อสัมผัสและคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เช่น นมอัลมอนด์มีไขมันดีและแคลอรี่ต่ำ นมข้าวโอ๊ตมีรสหวานธรรมชาติและใยอาหารสูง 

ปัจจัยท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญระยะต่อไป

- การแข่งขันรุนแรงในตลาดนมจากพืช ซึ่งมีมากกว่า 100 แบรนด์ ทั้งที่ผลิตในประเทศ และนำเข้าซึ่งแม้ราคาสูงแต่ก็เป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค อาทิ นมพืชทางเลือกออแกนิค นมพืชทางเลือกที่ใช้วัตถุดิบราคาสูง-หายาก (ถั่วลันเตา เฮเซลนัท แมคคาเดเมีย) สะท้อนจาก มูลค่าการนำเข้านมพืชทางเลือกของไทยที่เติบโตดี โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) อยู่ที่ 10% ในช่วงปี 2564-2567  ส่วนใหญ่นำเข้าจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังต้องแข่งขันกับนมพืชดั้งเดิมอย่าง นมถั่วเหลือง ที่หาซื้อได้ง่ายและราคาถูกกว่า ดังนั้น ผู้บริโภคจึงปรับพฤติกรรมเลือกซื้อตามกำลังซื้อที่มีในแต่ละช่วงเวลา

- ต้นทุนวัตถุดิบยังผันผวนและมีทิศทางสูงขึ้น โดยต้นทุนวัตถุดิบมีสัดส่วนราว 40-50% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด ซึ่งไทยพึ่งพาการนำเข้าสูง อาทิ โอ๊ต อัลมอนด์ วอลนัท (รูปที่ 5) จากแหล่งนำเข้าสำคัญอย่าง สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ที่ยังมีความเสี่ยงทั้งเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวนที่อาจกระทบกับผลผลิตและราคา ขณะที่ต้นทุนการขนส่งยังมีโอกาสผันผวนได้ จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบกับเส้นทางการค้าในบางพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของโลก ทั้งสหรัฐฯ จีนและตะวันออกกลาง จึงอาจกดดันอัตรากำไรของผู้ประกอบการ ท่ามกลางการปรับขึ้นราคาที่ทำได้จำกัดเพราะการแข่งขันสูง

 
        ดังนั้น ทิศทางการเติบโตของธุรกิจนมพืชทางเลือกระยะต่อไป จึงขึ้นอยู่กับการจัดการต้นทุนการผลิตที่ทำให้ราคาแข่งขันได้ และกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้า ท่ามกลางกำลังซื้อที่เปราะบางและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest