Display mode (Doesn't show in master page preview)

28 กันยายน 2564

Econ Digest

สหรัฐฯ...ส่งสัญญาณลด QE ส่องอาเซียน ปรับนโยบายการเงิน

คะแนนเฉลี่ย

สถานการณ์โควิดที่เริ่มผ่อนคลายโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้เศรษฐกิจประเทศเหล่านั้นฟื้นตัวและเติบโตเหนือระดับก่อนโควิด ตลาดแรงงานเริ่มกลับสู่ระดับปกติ แรงกดดันเงินเฟ้อที่มีสัญญาณเร่งตัวนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของตลาดการเงินโลกรวมถึงอาเซียน หลังเฟดเริ่มส่งสัญญาณปรับลดขนาด QE ที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้และนำไปสู่การคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2565​ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปได้ส่งสัญญาณที่จะลดขนาด QE ลงในการประชุมรอบล่าสุด และธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วในการประชุมเมื่อเดือนส.ค. 2564 

สำหรับอาเซียน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าสิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน-6 ที่ปรับท่าทีนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นผ่านการปรับกรอบการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2565 หลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวแข็งแกร่งและกลับไปสูงกว่าระดับก่อนโควิด เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อจากต่างประเทศและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนฟิลิปปินส์คงจะเป็นประเทศที่เผชิญแรงกดดันในการขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นรายต่อไป ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และความเสี่ยงด้านต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุน ตามมาด้วยเวียดนามที่คงมีปรับท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินหลังจากเศรษฐกิจกลับมาเติบโตตามระดับศักยภาพมาระยะหนึ่ง เพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจถูกจัดในกลุ่มประเทศที่แทรกแซงค่าเงิน ขณะที่มาเลเซียและอินโดนีเซียคงเลือกจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับเฟดเนื่องจากตลาดการเงินของอินโดนีเซียและมาเลเซียมีระดับการพึ่งพิงเงินทุนต่างชาติค่อนข้างสูง โดยช่วงเวลาดังกล่าวเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศกลับมาฟื้นตัวเหนือระดับก่อนโควิดไปแล้ว 

ทั้งนี้ ไทยน่าจะเป็นประเทศท้ายๆ ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ล่าช้าและแรงกดดันเงินเฟ้อที่จำกัด อาจทำให้ธปท. เลือกคงนโยบายการเงินผ่อนคลายจนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน 

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest