โครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ในภาคกลาง โดยการสร้างเกาะเทียม 9 เกาะในอ่าวไทยและสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลความยาวรวมประมาณ 100 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท (6.9% ของ GDP ไทยในปี 2566) โดยเป็นการให้สัมปทานภาคเอกชนจำนวน 99 ปี หลังจากนั้นพื้นที่จะเป็นของภาครัฐ
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ประกอบกับประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหา Climate Change เป็นอันดับที่ 9 ของโลก ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานที่จะมาช่วยป้องกันผลกระทบดังกล่าว โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจหลัก เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล อาจจะมีความจำเป็น
ทั้งนี้ ในหลายประเทศมีการดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน เช่น Dutch Sea Wall ของประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Thames Barrier ของสหราชอาณาจักร ที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันปัญหาน้ำท่วม
สำหรับ กรณีโครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทย เป็นรูปแบบการสร้างเกาะ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว สามารถนำไปใช้ประโยชน์นอกเหนือจากการป้องกันน้ำท่วม ในรูปแบบต่างๆ เช่น พัฒนาเป็นเมืองใหม่, สมาร์ทซิตี้, ศูนย์ท่องเที่ยว และใช้พลังงานสะอาด
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าการดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว อาจจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ที่ได้รับ ต่อมูลค่าการลงทุน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อ่าวไทย (Environmental and Biodiversity Impact Assessment) และเปรียบเทียบผลสำเร็จของโครงการในหลายประเทศเพิ่มเติม
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น