- ราคาข้าวไทยในปี 2568 หดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ราว 10.9% จากแรงกดดันด้านผลผลิตที่พุ่งสูงจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และอินเดียเร่งผลักดันส่งออกข้าวพุ่งกว่า 34.2% 
- ราคาข้าวไทยคาดยังปรับลดลงในไตรมาสแรกปี 2569 ที่ 0.9% จากผลผลิตยังสูงตามปรากฏการณ์ลานีญาที่ยังคงอยู่ และอุปสงค์ที่ลดลงในผู้นำเข้าหลักอย่างฟิลิปปินส์ที่งดการนำเข้าข้าว 
- ทั้งปี 2569 คาดว่าราคาข้าวไทยอาจฟื้นขึ้นได้เล็กน้อยราว 0.8% เป็นไปตามราคาข้าวโลกที่เผชิญอุปสงค์ส่วนเกิน เนื่องจากผลผลิตข้าวอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนแล้งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 
        ปี 2568 เป็นปีที่ราคาข้าวไทยหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากแรงกดดันด้านผลผลิตที่พุ่งสูงและอินเดียเร่งยอดส่งออกข้าว 
ราคาข้าวไทยในปี 2568 คาดหดตัวลึกถึง 10.9% ไปเฉลี่ยอยู่ที่ 11,175 บาทต่อตัน หลังจากในช่วงปี 2565-2567 มีราคาเติบโตดีเฉลี่ยถึง 6.4% ต่อปี (รูปที่ 1) ทั้งนี้ ปัจจัยฉุดราคาที่สำคัญมาจากผลผลิตข้าวในระดับสูง ด้วยสภาพอากาศที่เป็นปรากฏการณ์ลานีญาเอื้อต่อการผลิต โดยไทยมีผลผลิตข้าวพุ่งแตะ 35.8 ล้านตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ถึง 1.11 เท่า สอดคล้องไปกับผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น 3.3% ดันสต็อกข้าวโลกเพิ่ม 5% และมีอุปทานส่วนเกินโลกสูงถึง 8.98 ล้านตัน 
        นอกจากนี้ อินเดียยังได้เร่งส่งออกข้าวเพิ่มกว่า 34.2%  จากแรงหนุนด้านผลผลิตในประเทศที่สูงถึง 150 ล้านตัน ฉุดราคาข้าวโลกให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งฟิลิปปินส์ยังได้สั่งงดนำเข้าข้าวตั้งแต่เดือนก.ย. 2568 ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกและราคาข้าวไทยปรับลดลง 
ราคาข้าวไทยคาดยังปรับลดลงในไตรมาสแรกปี 2569 ที่ 0.9% จากผลผลิตยังสูงและอุปสงค์ที่ลดลงในผู้นำเข้าหลัก 
        สภาพอากาศที่ยังเอื้อต่อการผลิตของปรากฏการณ์ลานีญาที่คงมีอยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569 (รูปที่ 2-3) จะช่วยหนุนผลผลิตข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฤดูข้าวนาปรังที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 41.8% ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด จะส่งผลให้ราคาข้าวปรับลดลง 
        นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับลดลง คือ ผู้นำเข้าหลักอย่างฟิลิปปินส์ที่งดการนำเข้าข้าวไปจนถึงเดือนเม.ย. 2569  ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และจะยิ่งกดดันราคาข้าว อีกทั้งยังส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทยไปฟิลิปปินส์ให้ลดลงด้วย ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยเป็นอันดับที่ 5 คิดเป็น 6.2% ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมดของไทย 
        ทั้งปี 2569 ราคาข้าวไทยอาจฟื้นขึ้นได้เล็กน้อยราว 0.8% เป็นไปตามราคาข้าวโลกที่เผชิญอุปสงค์ส่วนเกิน  
ราคาข้าวไทยทั้งปี 2569 คาดขยับขึ้นเล็กน้อยไปเฉลี่ยอยู่ที่ 11,264 บาทต่อตัน เป็นไปตามราคาข้าวโลกที่เผชิญอุปสงค์ส่วนเกิน 
สำหรับปัจจัยหนุนราคาข้าวในตลาดโลกทั้งปี 2569 มีดังนี้ 
- อุปสงค์ส่วนเกินของโลกอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน โดยคาดว่าความต้องการบริโภคอยู่ที่ 542.2 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตอยู่ที่ 541.1 ล้านตัน ทั้งนี้ ผลผลิตอาจเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเพียง 0.03%  เนื่องจากผลกระทบของสภาพอากาศที่ร้อนแล้งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จนอาจเกิดเป็นปรากฏการณ์เอลนีโญ (รูปที่ 3) 
- สต็อกข้าวของโลกลดลง 0.6% ไปอยู่ที่ 187.3 ล้านตัน 
- อินเดียส่งออกข้าวในอัตราที่ชะลอลง คาดว่าอินเดียจะมีปริมาณส่งออกข้าวโตชะลอลงมาที่ 4.2% เทียบจากปีก่อนที่โตพุ่งถึง 34.2% สอดคล้องไปกับผลผลิตข้าวในประเทศที่โตชะลอลงมาที่ 0.7% เทียบจากปีก่อนที่โตสูงกว่า 8.8% 
        อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมราคาข้าวไทยทั้งปี 2569 จะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง แต่หากพิจารณาในประเภทข้าวจะพบว่า ข้าวขาว  น่าจะยังมีราคาหดตัวอยู่ เนื่องจากเป็นประเภทข้าวที่มีการแข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรงในตลาดโลก ซึ่งข้าวขาวไทยยังแข่งขันได้ยากจากราคาที่แพงกว่าคู่แข่งทั้งอินเดียและเวียดนาม เพราะไทยมีต้นทุนการผลิตสูงและผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าคู่แข่ง 
                            
                                
                                    
                                    
                                        Scan QR Code
                                        
                                         
                                     
                                 
                             
                            
                                หมายเหตุ
                                
                                    รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น