o อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนก.ย. 2568 ยังติดลบเป็นเดือนที่ 6 ต่อเนื่องที่
-0.72%YoY เนื่องจากยังถูกกดดันจากปัจจัยทางฝั่งอุปทานเป็นสำคัญ โดยอัตราค่าไฟฟ้าปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย (-5.7%YoY) และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศต่ำกว่าปีก่อนหน้า อาทิ ราคาน้ำมันดีเซล (-3.0%YoY) ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 E10 (-7.8%YoY) ส่งผลให้ราคาพลังงานมีส่วนทำให้เงินเฟ้อลดลง (contribution to inflation) -1.15%YoY ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรลดลงจากปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักผลไม้ที่ปรับลดลงถึง -10.8%YoY (contribution to inflation: -0.61%YoY)
o ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อมาอยู่ที่ -0.1% จาก 0.1% ในปี 2568 โดยในช่วง 9 เดือนแรกเงินเฟ้อติดลบอยู่ที่ -0.01%YoY ขณะที่ในไตรมาส 4 คาดว่าจะติดลบเล็กน้อย จากเดิมที่คาดว่าเงินเฟ้อจะขยายตัวเป็นบวกที่ 0.2% เนื่องจาก
1) แนวโน้มราคาพลังงานในประเทศปรับลดลง ตามทิศทางราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับลดลง โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ราว 63 ดอลลาร์ฯ ต่อลิตร หรือต่ำกว่าปีก่อนหน้าราว 15% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มปริมาณการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลมีมาตรการลดค่าครองชีพครัวเรือนโดยปรับราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินลง 50 สตางค์ต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2568
2) แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรคาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนหน้า โดยไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวออกมามาก แต่ราคาคาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนหน้าเนื่องจากผลผลิตในประเทศที่ออกมามากเกินความต้องการ ประกอบกับการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้นโดยการส่งออกข้าวไปต่างประเทศก็มีข้อจำกัดมากขึ้นเนื่องจากอินเดียผู้ส่งออกข้าวหลักในตลาดโลกมีนโยบายเพิ่มปริมาณการส่งออก ส่งผลให้ดัชนีราคาข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะปรับลดลงกว่า -1%YoY นอกจากนี้ ราคาผักผลไม้สดมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าที่ราว -5%YoY จากปริมาณผลผลิตที่สูงขึ้น ประกอบกับการนำเข้าผักและผลไม้สดราคาถูกจากจีนและเวียดนาม
3) กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแรงลง ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันสะท้อนความไม่เชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของภาครัฐ (Quick Big Win) อาจช่วยหนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้บ้างในช่วงที่เหลือของปี แต่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อไม่มาก (รูปที่ 1)
o ความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดมีมากขึ้น แม้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนก.ย.68 ยังเป็นบวกที่ 0.65%YoY แต่ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า -0.05%MoM ขณะที่รายการสินค้าในตะกร้าเงินเฟ้อพื้นฐานที่ติดลบในเดือนก.ย.68 ได้แก่ ของใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน ทั้งนี้ โดยรวมรายการสินค้าที่ราคาติดลบในเดือนก.ย. 68 คิดเป็น 40.5% ของตะกร้าเงินเฟ้อทั้งหมด
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น