- ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นท่ามกลางแรงซื้อหลักจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในวันทำการแรกหลังหยุดยาวช่วงสงกรานต์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ตอบรับประเด็นที่สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีตอบโต้สำหรับสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาหนุน โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบในเวลาต่อมาเนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหลัก ๆ เข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก่อนการประกาศงบ และหุ้นกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวม เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรในหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ประกอบกับนักลงทุนมีความกังวลต่อภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของกลุ่มแบงก์
- ในวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,150.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.97% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 32,909.53 ล้านบาท ลดลง 35.06% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 8.53% มาปิดที่ระดับ 252.17 จุด
- สัปดาห์ถัดไป (21-25 เม.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,170 และ 1,195 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น