• ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ก่อนจะทยอยย่อตัวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
SET Index ดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สวนทางภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลง โดยหลักๆ มีปัจจัยหนุนจากความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศ หลังกกต.กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ซึ่งประเด็นดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่ม นำโดย เทคโนโลยีและพลังงาน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงในเวลาต่อมาท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ตามการปรับตัวลงของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ประกอบกับขาดปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุนตลาด
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงต่อหลังการประชุมกนง. โดยแม้กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ก็ได้ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2569-2570 มีแนวโน้มชะลอลง ซึ่งกระตุ้นแรงขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก
• ในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,252.19 จุด ลดลง 0.15% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 34,035.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.59% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.57% มาปิดที่ระดับ 212.85 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (22-26 ธ.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,230 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,275 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกไทยเดือนพ.ย. 2568 รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของอังกฤษ ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น