- ตลาดหุ้นไทยพลิกกลับมาปิดบวกได้ในช่วงท้ายสัปดาห์ แม้จะร่วงลงแรงระหว่างสัปดาห์
ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ขานรับปัจจัยบวก ทั้งรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของไทยที่ขยายตัว 3.0% YoY ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด และรายงานข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม ซึ่งหนุนแรงซื้อหุ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดย กลุ่มพลังงาน เทคโนโลยี และแบงก์
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในเวลาต่อมา โดยเผชิญแรงขายหลักๆ จากหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งหลังเข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 แม้จะมีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปอื่นๆ เข้ามาประคองตลาดก็ตาม ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ประกอบกับนักลงทุนน่าจะคลายความกังวลต่อประเด็นการเมืองในประเทศลงในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
- ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,446.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.25% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,316.10 ล้านบาทลดลง 12.71% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.30% มาปิดที่ระดับ 322.57 จุด
- สัปดาห์ถัดไป (25-29 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,440 และ 1,415 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,460 และ 1,470 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค. ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของจีน ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนพ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น