Display mode (Doesn't show in master page preview)

28 เมษายน 2564

Econ Digest

งบรวม 9 แบงก์ ไตรมาส 1/64 รายได้จากธุรกิจหลักยังไม่ฟื้น

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รวบรวมข้อมูลสำคัญทางการเงินจากรายงานงบการเงินรวมของธนาคารพาณิชย์และบริษัทย่อย 9 แห่ง ประจำไตรมาสที่ 1/2564 พบว่าธนาคารพาณิชย์และบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิ  46,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 31,259 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของการตั้งสำรองฯ และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเป็นสำคัญ ขณะที่รายได้จากธุรกิจหลักยังไม่ฟื้นตัว

สำหรับทิศทางในช่วงที่เหลือปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าความสามารถและประสิทธิผลของมาตรการสกัดความรุนแรงในการแพร่ระบาดของโควิด 19 ระลอกสาม และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน จะเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และมีนัยต่อผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์และบริษัทย่อย โดยเฉพาะใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1) คุณภาพสินทรัพย์ 2) อัตราเติบโตของการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเป็นรายได้หลักของธนาคารพาณิชย์ และ 3) กลไก/มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องเร่งปรับให้ตรงจุดเหมาะสม 

โดยหากสถานการณ์โควิด 19 รอบสามยืดเยื้อและกินเวลาหลายเดือนจะทำให้การเปิดประเทศทำได้ช้าลง และอาจทำให้สถาบันการเงินต้องกลับมาแก้ไขปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในเชิงรุกมากขึ้น ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้เพิ่มมากขึ้น สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นั้น แม้ข้อมูลล่าสุดจะสะท้อนว่า สัดส่วนลูกหนี้เข้ามาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินในภาพรวมจะขยับลงมาที่ประมาณ 15.4% ในเดือนก.พ. 2564 แต่จำนวนบัญชีลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือจากธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มขยับสูงขึ้น และตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 2/2564 ตามความเสี่ยงของโควิด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กดดันรายรับที่เป็นเม็ดเงินจริงของสถาบันการเงินได้รับในระยะถัดไป ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอาจทำให้มีโอกาสเห็นสถานการณ์ที่รายรับจากค่าธรรมเนียมไม่สามารถประคองแรงบวกไว้ได้ดังที่เห็นในไตรมาสแรกของปี


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest