การส่งออกเครื่องปรับอากาศแบบ Non-Inverter มีแนวโน้มลดลงในช่วงปีที่ผ่านมา และไทยมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความต้องการเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์รุ่นธรรมดาที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ แต่ในระยะข้างหน้า ไทยอาจจะต้องเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งหน้าใหม่อย่างเวียดนาม นอกเหนือจากคู่แข่งเดิมอย่างจีน เนื่องจากตั้งแต่กลางปี 2561 เป็นต้นมา ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งใช้ไทยเป็นฐานผลิตหลักในภูมิภาค ได้เข้าไปลงทุนในเวียดนาม และเริ่มสายการผลิตเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์รุ่นธรรมดา โดยช่วงแรกมุ่งเน้นจับตลาดภายในประเทศเวียดนามที่หันมาให้ความสำคัญกับการประหยัดไฟมากขึ้น และน่าจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อการส่งออกหลังเศรษฐกิจโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
การเริ่มสายการผลิตของเวียดนามย่อมส่งผลต่อการส่งออกเครื่องปรับอากาศของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี น่าจะกระทบเพียงการส่งออกจากไทยไปยังเวียดนาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์รุ่นธรรมดาของเวียดนาม จาก 5 แสนเครื่องในปัจจุบัน จะแตะ 5 ล้านเครื่องในราวปี 2568 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น จะส่งผลกดดันต่อปริมาณการส่งออกเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์รุ่นธรรมดาของไทยให้ลดลงไปอีก
เพื่อฉีกหนีคู่แข่ง ไทยจำเป็นต้องปรับตัว โดยพยายามดึงดูดการลงทุนผลิตเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์รุ่นอัจฉริยะ IoT ที่สามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ต ซึ่งต้องการเทคโนโลยีการผลิตที่สูงขึ้น และมีความต้องการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ชดเชยแนวโน้มความต้องการที่ลดลงของเครื่องปรับอากาศแบบ Non-Inverter และในระยะยาว เพื่อรองรับเทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค IoT พร้อมเสริมตำแหน่งของไทยในการคงความเป็นแหล่งผลิตเครื่องปรับอากาศที่สำคัญของโลกในอนาคต
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น