Display mode (Doesn't show in master page preview)

24 มีนาคม 2565

Econ Digest

สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ฉุดส่งออกรถยนต์ไทยปี 65 คาด...ติดลบ 6-11%

คะแนนเฉลี่ย

​ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...คาดว่า ปริมาณการส่งออกรถยนต์ไทยในปี 2565 นี้มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ระหว่าง 850,000 ถึง 900,000 คัน (-6.0% ถึง -11.0% (YoY)) โดยโอกาสที่จะช่วยพยุงตัวเลขส่งออกในปีนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความรวดเร็วที่มาตรการคว่ำบาตรต่างๆ จะยุติลง รวมถึงค่ายรถหน้าใหม่ในไทยอย่างจีนจะสามารถส่งออกตามแผนที่เคยวางไว้หรือไม่ อยาให้ตามมาวิเคราะห์ด้วยกัน ดังนี้

สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โลกเป็นวงกว้างทั้งจากการซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีอยู่เดิม จากทั้งที่รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลายตัวสำหรับการผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แต่หลังจากที่รัสเซียโดนคว่ำบาตรและได้มีการตอบโต้ด้วยการงดส่งออกสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ต่าง ๆ และสินค้าเกษตรหลายรายการ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกเกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และสินค้ารถยนต์ก็จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยราคาสูงจึงเป็นสินค้ากลุ่มแรก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบ

กลับมาดูฐานการผลิตรถยนต์ในไทย แม้ผลกระทบจะไม่รุนแรงเท่าฐานการผลิตในยุโรป เนื่องจากประเทศผู้นำเข้ารถยนต์จากไทยมากกว่า 1 ใน 3 ได้รับผลกระทบไม่มากในด้านเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับตลาดอื่น เช่น กลุ่มประเทศโอเปกและออสเตรเลียที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้ผลิตน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งกำลังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก  ตลอดจน ชิ้นส่วนที่ใช้ในไทยมาจากคนละแหล่งกับฐานการผลิตในยุโรป อีกทั้งค่ายรถก็มีการสต๊อกชิ้นส่วนไว้แล้วระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผลของสงครามและการคว่ำบาตรที่ยืดเยื้อจะทำให้ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนลุกลามไปทั่วโลก และกระทบกับการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกของไทยโดยรวมทั้งปีได้

เหล่านี้เป็นปัจจัยฉุดสำคัญที่ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าปริมาณการส่งออกรถยนต์ไทยในปี 2565 นี้มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ระหว่าง 850,000 ถึง 900,000 คัน (-6.0% ถึง -11.0% (YoY)) โดยนอกจากประเด็นเรื่องการพยุงตัวเลขส่งออกในปีนี้แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยยังต้องมองไปข้างหน้าและรีบปรับตัว เมื่อผู้บริโภคเริ่มหันไปใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่ไทยเองก็กำลังมีคู่แข่งในการดึงดูดการลงทุนที่สำคัญ คือ อินโดนีเซีย ที่มีจุดแข็งในการเป็นแหล่งผลิตแร่นิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีโอกาสจะผงาดขึ้นเป็นหนึ่งฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญและกลายมาเป็นคู่แข่งการส่งออกรถยนต์ของไทยในอนาคต

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest