ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
จุดสนใจหลักของสัปดาห์นี้ จะอยู่ที่การประชุมเฟด (17-18 ก.ย.) ซึ่งจะมีการตัดสินใจทิศทางดอกเบี้ย และมีการเปิดเผย dot plot ชุดใหม่ ส่วนปัจจัยสำคัญอื่นๆ คงได้แก่ ผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลกจากเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีน และสถานการณ์ BREXIT ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กเดือนก.ย. และข้อมูลการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ของจีน
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นปลายสัปดาห์ก่อนหน้า (13
ก.ย.)
สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนที่ชัดเจนก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย. นี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้ง
ส่วนเช้าวันนี้ (16 ก.ย.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย
โดยนักลงทุนรอประเมินปัจจัยใหม่ โดยเฉพาะผลการประชุมเฟด
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวกในภาพรวม
ท่ามกลางความคาดหวังเชิงบวกต่อประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ปิดปะปน แม้ตลาดจะมีปัจจัยบวกจากตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาดีกว่าที่คาด แต่ก็มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี
เมื่อศุกร์ก่อนหน้า (13 ก.ย.) ราคาน้ำมันปรับตัวลง สอดคล้องกับความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับยังถูกกดดันต่อเนื่องจากผลการประชุมโอเปกซึ่งไม่มีข้อสรุปใหม่เกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต ขณะที่ราคาทองคำลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนปรับลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ดี เช้านี้ (16 ก.ย.) ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาที่ระดับประมาณ 60 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาทองคำกลับมายืนเหนือ 1,500 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หลังเกิดเหตุโดรนโจมตีแหล่งผลิตและโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
า: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น