Display mode (Doesn't show in master page preview)

14 กรกฎาคม 2565

Econ Digest

“ข้าวไทย” เสี่ยงอุปทานตึงตัว ผลผลิตลด...ดันราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง

คะแนนเฉลี่ย

ในปี 2565 #ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะอุปทานข้าวตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากราคาปุ๋ยเคมีที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ผลผลิตข้าวไทยลดลง ในขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมี Pent Up Demand  ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ที่คลี่คลาย และเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะช่วยหนุนการส่งออกข้าวไทยให้กระเตื้องขึ้นประมาณ 15.5% (YoY)  จึงยิ่งกดดันอุปทานข้าวที่เหลือในประเทศให้ลดลง  และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 เป็นผลให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน


หากเราย้อนกลับไปดูผลผลิตข้าวไทยในปี 2562-2564 จะพบว่ามีค่าเฉลี่ยราว 21 ล้านตันข้าวสารต่อปี  ซึ่งหลังหักปริมาณการส่งออก และการบริโภคในประเทศแล้ว รวมกับข้าวในสต๊อกไทยจะมีอุปทานข้าวเหลือในประเทศราว 6 ล้านตันข้าวสารต่อปี


ในขณะที่ปี 2565 คาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวจะลดลงราว 1.2-1.8 ล้านตันข้าวสาร เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้มีผลผลิตข้าวรวมสต๊อกอยู่ที่ราว 24.3 ล้านตันข้าวสาร ในขณะที่การส่งออกขยับขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ราว 7 ล้านตันข้าวสาร และการบริโภคในประเทศราว 13 ล้านตันข้าวสาร จึงทำให้เหลืออุปทานข้าวในประเทศเพียง 4.3 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งเป็นระดับที่ตึงตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าในปี 2566 อุปทานข้าวที่เหลือในประเทศจะลดลงอยู่ที่ระดับ 0.9-2.4 ล้านตันข้าวสารเท่านั้น


จากการคาดการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าอุปทานข้าวที่เหลือในประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2565-2565 ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงดันให้ราคาข้าวในประเทศขยับขึ้นต่อเนื่องนั่นเอง


#รู้หรือไม่ Pent-Up Demand คือ ความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากการที่ผู้บริโภคต้องการกลับมาจับจ่ายใช้สอย หลังจากที่หยุดหรือลดการใช้จ่ายในช่วงก่อนหน้าจากเหตุการณ์บางอย่าง

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest