Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 พฤษภาคม 2564

Econ Digest

โควิดระลอก 3 ตัวแปรยอดขายรถยนต์ในไทยปี 64 ติดลบ 1.5%

คะแนนเฉลี่ย
​ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การระบาดของโรคโควิด 19 ระลอก 3 จะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศไตรมาส 2 ปี 2564 มีจำนวน 150,000-155,000 คัน ลดลงจาก 189,093 คัน ในไตรมาสแรก หรือหดตัว 18.0-20.7%  นอกจากนี้ การขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิกส์ของค่ายรถยนต์บางค่าย ยังอาจทำให้การผลิตและส่งมอบรถยนต์ล่าช้าออกไป  ในไตรมาส 3 คาดว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการกระจายวัคซีนที่คาดว่าจะทำได้มากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ประกอบกับสถานการณ์การขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าจะกลับมาปกติ ส่งผลให้มียอดขาย 195,000-212,000 คัน หรือขยายตัว 27.9%-39.0% จากไตรมาส 2 ส่วนในไตรมาส 4 มีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์จะขยับสูงขึ้นต่อเนื่องไปอยู่ที่ 246,000-264,000 คัน หรือขยายตัว  20.9- 29.7%  จากไตรมาส 3  โดยมีตัวแปรสำคัญคือการเร่งปูพรมฉีดวัคซีนให้กระจายอย่างทั่วถึงโดยเร็ว   

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2564 ยอดขายรถยนต์ในประเทศน่าจะอยู่ที่ 780,000 - 820,000 คัน หรือขยายตัว -1.5% ถึง 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว   โดยมองว่ากลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นกลุ่มรายได้ปานกลางลงไปซึ่งได้รับผลกระทบด้านรายได้ค่อนข้างมาก  

ในส่วนของการส่งออกรถยนต์ในปี 2564 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมาก หลังประเทศคู่ค้าหลักของไทย รับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีขึ้น ประกอบกับค่ายรถญี่ปุ่นบางค่ายปรับสายการผลิตให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อส่งออกไปประเทศต่างๆ รวมถึงส่งกลับญี่ปุ่น คาดว่าหากสถานการณ์โควิดในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดส่งออกหลักของไทยไม่กลับไปรุนแรง การผลิตรถยนต์รวมของไทยในปี 2564 จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านคัน หรือขยายตัวไม่น้อยกว่า 26.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest