ในช่วงวันที่ 1-14 มกราคม 2567 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 โดยมีจำนวน 186,424 คน เป็นผลมาจาก (1) ปัจจัยด้านฤดูกาล ที่ชาวจีนมักเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ (2) ผลบวกจากมาตรการวีซ่าฟรี ช่วง 25 ก.ย. 2566-29 ก.พ. 2567 เอื้อให้การเดินทางสะดวกขึ้น
ในช่วงถัดไป จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นอันดับ 1 ได้ต่อเนื่องหรือไม่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในระยะเฉพาะหน้า คงต้องติดตาม 3 ประเด็น ได้แก่ (1) ช่วงก่อนและหลังตรุษจีน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเร่งตัวมากน้อยเพียงใดจากช่วงครึ่งเดือนแรกของมกราคม (2) ข้อสรุปเรื่องมาตรการวีซ่าถาวรจากทางการทั้งสองประเทศ จะมาทันหลังมาตรการวีซ่าฟรีชั่วคราวหมดในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ (3) บรรยากาศและประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวจีนในไทย ซึ่งหากทุกฝ่ายสามารถรักษาและกระตุ้นการทำการตลาดได้ตรงจุด ก็น่าจะเป็นผลบวกต่อโมเมนตัมการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนได้
สำหรับทั้งปี 2567 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย น่าจะสามารถจบปีที่อันดับ 1 ได้ โดยอาจมีจำนวนราว 5.2 ล้านคน (คาดการณ์ ณ 12 ธันวาคม 2566) เพิ่มขึ้นจากในปี 2566 ที่มีจำนวน 3.5 ล้านคน เนื่องจากจังหวะการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน่าจะมีศักยภาพที่จะเร่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องถ้าเทียบกับก่อนโควิดที่มีจำนวนราว 11 ล้านคน แต่การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ก็คงต้องใช้เวลา เพราะยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจจีนที่อาจกระทบต่อความต้องการเดินทางระหว่างประเทศในจังหวะที่ค่าเดินทางท่องเที่ยวยังสูง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเปราะบางด้านรายได้และเงินออม สะท้อนจากการที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวในเอเชียส่วนใหญ่ยังไม่กลับไปสู่ระดับก่อนโควิด และไปข้างหน้าการแข่งขันกับจุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่ก็พยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ก็จะมีผลต่อเส้นทางการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยเช่นกัน
|
Click ชมคลิป จีนเที่ยวไทย แซงขึ้นเป็นอันดับ 1 |
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น