Display mode (Doesn't show in master page preview)

29 พฤศจิกายน 2565

Econ Digest

แบงก์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก สะท้อนภาพการแข่งขันที่ชัดเจนขึ้น

คะแนนเฉลี่ย

​หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ส.ค. และ ก.ย. 65 ครั้งละ 0.25% รวมเป็น 0.50%  ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยืนอยู่ที่ 1.00%  ภาพการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มชัดเจนขึ้นในเดือน ต.ค 65 โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยจำนวนแคมเปญเงินฝากพิเศษซึ่งส่วนใหญ่เป็นของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กเริ่มมีจำนวนมากขึ้น  ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการออกเพื่อชดเชยโครงการหรือแคมเปญเงินฝากที่ครบกำหนด/เตรียมจะครบกำหนด  คาดว่าการแข่งขันด้านราคาเงินฝากที่เริ่มทยอยชัดเจนขึ้นดังกล่าว น่าจะมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการขยับตามทิศทางดอกเบี้ยของกนง. โมเมนตัมสินเชื่อที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ปริมาณสภาพคล่องส่วนเกินที่ทยอยลดลง ตลอดจนการรักษาฐานลูกค้าเงินฝากกลุ่มต่างๆ ตามนโยบายของแต่ละธนาคาร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในระยะข้างหน้า แม้เงินฝากจะไม่ได้เติบโตในอัตราเร่ง แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากน่าจะปรับสูงขึ้นในลักษณะที่ชันขึ้นอีก จากแรงส่งทั้งการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ (ก่อนกำหนดการปรับเพิ่มอัตรานำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ อีก 0.23% ในช่วงต้นปี 66) ทำให้มีโอกาสที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้นมากกว่า 0.50% ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 66 สำหรับแนวโน้มเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ ณ สิ้นปี 65 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.5-3.7% ชะลอลงเมื่อเทียบกับ 4.0% ณ สิ้นปี 64 อย่างไรก็ตาม คาดว่ากรอบการเติบโตของเงินฝากจะขยับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.0-5.5% ในปี 66 ตามทิศทางเศรษฐกิจที่น่าจะทยอยฟื้นตัว และการเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อ



 


Click
 ชมคลิป แบงก์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก สะท้อนภาพการแข่งขันที่ชัดเจนขึ้น


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น