Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 เมษายน 2565

Econ Digest

KResearch : วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจ (11 เมษายน 2565)

คะแนนเฉลี่ย

​ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อาจขยับสูงขึ้น และเพิ่มแรงกดดันต่อท่าทีของเฟด รวมถึงผลประกอบการของหุ้นธนาคารของสหรัฐฯ


- หุ้นเอเชียหลายตลาดปรับตัวลงสัปดาห์ก่อนท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินแบบคุมเข้มของสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากสถานการณ์โควิด-19 ในหลายเมือง ส่วนตลาดหุ้นไทยลดลงเช่นกัน โดยยังคงปิดต่ำกว่าระดับ 1,700 จุด แรงขายหลักๆ ในหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้วมาจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันในประเทศ

-ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ และปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ก่อนสวนทางตลาดหุ้นอื่นๆ โดยมีแรงหนุนในหุ้นกลุ่มการเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่จุดจับตาที่สำคัญของยุโรปอยู่ที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งได้เริ่มรอบแรกไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

- ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงจากความกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังรายงานการประชุมเฟดสะท้อนโอกาสการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และปรับลดงบดุล ในช่วงการประชุมที่เหลือของปีนี้

- ราคาทองคำขยับขึ้นตามแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเพื่อชดเชยความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันท่ามกลางสัญญาณระบายน้ำมันจากคลังสำรองฉุกเฉินของสมาชิก IEA

-สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนยังไม่สิ้นสุด แม้จะมีการเจรจาสันติภาพหลายรอบ ขณะที่ล่าสุดชาติตะวันตกได้ออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ยูเครนออกมาประกาศระงับการนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากรัสเซีย และรัสเซียตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)

- ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ : 1) ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และจีน 2) การประชุมธนาคารกลางยุโรป แคนาดา และนิวซีแลนด์ 3) สถานการณ์โควิดในจีนและไทย และ 4) วิกฤตยูเครน-รัสเซีย

 
 

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest