Display mode (Doesn't show in master page preview)

3 พฤษภาคม 2565

Econ Digest

KResearch : วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจ (3 พฤษภาคม 2565)

คะแนนเฉลี่ย

​สัปดาห์นี้ ตลาดการเงินรอติดตามผลการประชุมเฟด ... คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และเริ่มลดงบดุล

-ตลาดหุ้นหลักฝั่งเอเชีย ทั้งตลาดญี่ปุ่นและตลาดหุ้นจีน ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์โควิดและทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ข้อมูล PMI ภาคการผลิตล่าสุดเดือนเม.ย. ของจีน ยังสะท้อนภาพหดตัวต่อเนื่อง
-ตลาดหุ้นไทยลดลงจากสัปดาห์ก่อน โดยในช่วงต้นสัปดาห์ SET Index ย่อตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ฟื้นตัวขึ้นบางส่วนก่อนช่วงวันหยุดของตลาดในประเทศตามแรงซื้อคืนหุ้นบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้าง
-ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปรับตัวลงจากหลายปัจจัยลบ อาทิ ผลประกอบการไตรมาส 1/65 ที่ออกมาผสมผสาน แรงกดดันจากความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เผชิญแรงเทขายหนักในสัปดาห์ก่อน จากแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินในเชิงรุกของเฟดเพื่อชะลอแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งล่าสุด ขยับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปีครั้งใหม่ นอกจากนี้ GDP ในไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์
-ราคาทองคำร่วงลงสวนทางเงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นจากความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่ยุโรปอาจจะคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
- ปัจจัยติดตาม: 1) ผลการประชุมเฟด 2) ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของไทย 3)  ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และ 4) ทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย
-กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ คาดไว้ที่ 33.80-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ


 
 

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest