สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 34.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคและเงินหยวนท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากประเด็นนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เงินบาทขยับแข็งค่าเล็กน้อยในช่วงต่อมา หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ ถูกกดดันช่วงสั้นๆ หลังมีรายงานข่าวระบุถึง แนวทางการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจจะเป็นไปอย่างจำกัดเฉพาะบางกลุ่มสินค้า อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาอีกครั้งในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในภายหลัง นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีแรงหนุนจากบันทึกประชุมเฟดและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด (อาทิ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน และดัชนี ISM ภาคบริการ) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งสะท้อนสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจชะลอแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 13-17 ม.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของอังกฤษและยูโรโซน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 และข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนธ.ค. รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ตลาดหุ้นไทยผันผวนระหว่างสัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันหลักๆ จากหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการปรับลดค่าไฟ และหุ้นกลุ่มสื่อสารจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพ.ร.ก. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาขานรับรายงานข่าวที่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจพิจารณาจัดเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายอุตสาหกรรม แทนการจัดเก็บภาษีในวงกว้าง ดัชนีหุ้นไทยกลับมาย่อตัวลงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีปัจจัยลบจากคาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมถึงรายงานข่าวที่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนจะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติเพื่อให้มีอำนาจในการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า นอกจากนี้กรณีจำนำหุ้นของผู้บริหารบจ. แห่งหนึ่งก็นับเป็นอีกปัจจัยที่กระทบบรรยากาศของตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
- สัปดาห์ที่ 13-17 ม.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,350 และ 1,330 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,380 และ 1,400 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น