Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 มกราคม 2565

Econ Digest

ไตรมาส 3/64 ครัวเรือนไทยเป็นหนี้เพิ่ม เพื่อเสริมสภาพคล่อง...รองรับรายจ่าย

คะแนนเฉลี่ย

​ข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนล่าสุดสะท้อนว่า แม้ครัวเรือนไทยยังคงก่อหนี้เพิ่ม แต่ก็มีสัญญาณระมัดระวังมากขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยในไตรมาส 3/64 ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ 14.35 ล้านล้านบาท ขยับขึ้นราว 4.2% (YoY)   ชะลอลงเมื่อเทียบกับ 5.1% (YoY) ในไตรมาส 2/64 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าระดับหนี้สินของครัวเรือนที่ขยับขึ้นในไตรมาส 3/64 ใกล้เคียงกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ  ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในช่วงไตรมาส 3/64 ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 89.3% เท่ากับในไตรมาส 2/64  โดยหนี้สินของภาคครัวเรือนส่วนใหญ่จะยังคงเป็นหนี้บ้าน  ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ลักษณะการก่อหนี้ของครัวเรือนในไตรมาส 3/64 แตกต่างจากช่วงไตรมาสก่อนๆ ตรงที่มีสัญญาณของการก่อหนี้เพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่อง และ/หรือรองรับรายจ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยับขึ้นของหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  และหนี้เพื่อการประกอบอาชีพตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกสาม

สำหรับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนไทย  สถานการณ์การระบาดที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง อาจทำให้ประชาชนรายย่อยและภาคครัวเรือนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการก่อหนี้เพิ่มเติม  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า แม้ในปี 65 จะยังคงเห็นยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนเติบโตต่อเนื่อง แต่ก็น่าจะเป็นอัตราการเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับเศรษฐกิจมากขึ้น ดังนั้น จึงยังคงตัวเลขประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปี 65 ไว้ที่กรอบ 90-92% ต่อจีดีพี โดยสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีมีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขคาดการณ์ในปี 64 ที่ 90.5% อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์โควิดอย่างใกล้ชิด ส่วนโจทย์เฉพาะหน้าของครัวเรือนไทยที่มีภาระหนี้ ยังคงเป็นการดูแลสมดุลระหว่างรายจ่ายแลรายได้เพื่อคงความสามารถในการชำระหนี้ ตลอดจนการเร่งติดต่อสถาบันการเงินเพื่อรับมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมเมื่อประสบปัญหา เช่น การปรับโครงสร้างหนี้

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest