Display mode (Doesn't show in master page preview)

20 พฤศจิกายน 2567

Econ Digest

ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะยังคงเติบโต แรงหนุนพลังงานจากขยะของภาครัฐ เพื่อจัดการปัญหาขยะ และการเปลี่ยนถ่ายไปสู่พลังงานทดแทน

คะแนนเฉลี่ย
  • ในปี 2568 คาดว่า มูลค่าตลาดเชื้อเพลิงขยะ RDF จะสูงขึ้นราว 6.3% จากการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านการจัดการกับปัญหาขยะ และการเปลี่ยนถ่ายไปสู่พลังงานทดแทนซึ่งหนุนการขยายตัวของตลาดธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF
  • ความต้องการ RDF ในภาคไฟฟ้า คาดว่า จะมีการเติบโตราว 9.9% ในปี 2568 จากการสนับสนุนของภาครัฐ ทำให้มีโรงผลิตไฟฟ้าขยะมากขึ้น
  • ในขณะที่ ความต้องการ RDF สำหรับผลิตพลังงานความร้อนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต คาดว่า เพิ่มขึ้น 1.1% จากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนและการลดการพึ่งพาถ่านหินจากมาตรการ CBAM


แนวโน้มอุปทานเชื้อเพลิงขยะ RDF
ขยะมูลฝอย
        ในปี 2568 คาดว่า ปริมาณขยะมูลฝอยมีแนวโน้มเติบโต 0.3% แตะ 27.8 ล้านตัน ชะลอตัวจากที่ขยายตัว 2.9% ในปี 2567 (รูปที่ 2) ซึ่งจะทำให้มีขยะมูลฝอยที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ได้กว่า 2.5 ล้านตัน
        ปริมาณขยะมูลฝอยในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาครัฐต้องผลักดันนโยบายเพื่อจัดการกับปัญหาขยะ หนึ่งในนโยบายหลักคือการนำขยะไปผลิตพลังงาน แม้ประชากรไทยลดลงตั้งแต่ปี 2562 แต่พฤติกรรมการบริโภค เช่น การสั่งอาหารออนไลน์ และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ยังคงทำให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้น (รูปที่ 3) การเติบโตนี้แสดงถึงความจำเป็นในการส่งเสริมการนำขยะไปผลิตพลังงาน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะคงค้าง แต่ยังนำขยะกลับมาใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตพลังงานอีกด้วย
        ปริมาณขยะมูลฝอยและการส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณขยะที่สามารถแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF เพื่อนำไปผลิตเป็นพลังงานเติบโตด้วย โดยในปี 2566 จำนวนขยะมูลฝอยที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้องนั้นอยู่ที่ 37.7% (รูปที่ 4) ของปริมาณขยะมูลฝอยทั้งหมด เพิ่มขึ้นราว 7% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 การปรับปรุงนี้ ส่งผลให้มีจำนวนขยะมูลฝอยที่สามารถนำไป
แปรรูปเป็น RDF เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และจากจำนวนขยะมูลฝอยที่สามารถนำไปแปรรูปนี้ ขยะมูลฝอยที่เข้าสู่กระบวนการผลิตเป็น RDF จริงนั้นก็เพิ่มขึ้นจาก 18.5% ในปี 2558 เป็น 42.9% ในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 44.4% ในปีนี้ และ 47.0% ในปี 2568 การเติบโตนี้เป็นผลจากการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานจัดเก็บขยะมูลฝอยและผู้ประกอบการโรงงานผลิต RDF ตลอดจนถึงการส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องเพื่อนำไปผลิตเป็นพลังงาน

แนวโน้มการใช้เชื้อเพลิงขยะ RDF
เชื้อเพลิงขยะสำหรับผลิตไฟฟ้า
        ในปี 2568 คาดว่า 61% ของ RDF ทั้งหมดจะถูกใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยความต้องการ RDF เพื่อผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตกว่า 9.9% สอดคล้องกับกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะที่เพิ่มขึ้น 8.2%

        ความต้องการ RDF สำหรับการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการส่งเสริมของภาครัฐที่มีการตั้งอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะสูงกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ ในปี 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชน 282.98 เมกะวัตต์  ซึ่งกำหนดให้โรงไฟฟ้าเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบ ในช่วงปี 2568-2569 โดยมีอัตรารับซื้อสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก  ที่มีกำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ที่ 5.08 บาท/หน่วย พร้อม FiT Premium  0.70 บาท/หน่วย ใน 8 ปีแรก และสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก  ที่มีกำลังการผลิต 10-50 เมกะวัตต์ อัตรารับซื้ออยู่ที่ 3.66 บาท/หน่วย ซึ่งสูงกว่าพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่มีอัตรารับซื้ออยู่ที่ 2.22 บาท/หน่วย และ 3.10 บาท/หน่วย ตามลำดับ อัตรารับซื้อที่สูงกว่านี้ได้ดึงดูดผู้ประกอบการมาลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ซึ่งมีจำนวนโรงไฟฟ้าที่รอจ่ายไฟเข้าระบบ ในปี 2568 รวม 31.5 เมกะวัตต์ ทำให้คาดว่าความต้องการ RDF จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 65,000 ตันในปีหน้า

        ปัจจุบัน กกพ. ยังไม่มีแผนเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติมจากข้างต้น แต่ได้มีการเตรียมการที่จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 30 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ RDF จากขยะอุตสาหกรรมที่ผลิตในโรงงาน จึงไม่ส่งผลต่อความต้องการ RDF จากขยะชุมชน อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ความต้องการ RDF จากขยะชุมชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก พ.ศ 2567- 2580 (ร่างแผน AEDP 2024) ที่มีการปรับเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มขึ้นเป็น 1,142 เมกะวัตต์ หากรัฐบาลต้องการบรรลุเป้าหมายนี้ยังจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนอีก 752.7 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ความต้องการ RDF มีมากถึง 1.3 ล้านตันในอนาคต

เชื้อเพลิงขยะสำหรับผลิตความร้อนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
ในปี 2568 คาดว่า 39% ของปริมาณ RDF จะถูกใช้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต โดยปริมาณจะเพิ่มขึ้นราว 1.1% (รูปที่ 7) ตามความต้องการพลังงานความร้อนจากขยะที่เพิ่มขึ้น 1.8%
การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนและการลดการพึ่งพาถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิตปูนซีเมนต์ กำลังผลักดันให้ความต้องการ RDF เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างปี 2558-2567 การใช้พลังงานความร้อนจากขยะในอุตสาหกรรมเติบโตเฉลี่ย 8.5% ต่อปี ขณะที่การใช้ถ่านหินลดลงเฉลี่ย 5.3% ต่อปี แม้ต้นทุนการใช้ RDF จะสูงกว่าถ่านหิน แต่ด้วยมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (EU) ที่เก็บค่าธรรมเนียมสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนเยอะ เช่น ปูนซีเมนต์ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน คาดว่าในปี 2568 การใช้ RDF จะเพิ่มขึ้นราว 5,000 ตัน ทดแทนถ่านหินได้ประมาณ 2,100 ตัน โดยการลดการใช้ถ่านหิน 1 ตัน ต้องใช้ RDF ประมาณ 2.35 ตัน
โดยสรุป มูลค่าตลาดเชื้อเพลิงขยะ RDF ในปี 2568 คาดว่า จะเติบโตราว 6.3% จากปี 2567 แตะ 1.8 พันล้านบาท

ความเสี่ยงของธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF    

  • ความต้องการ RDF ในภาคการผลิตไฟฟ้ามีความไม่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ เช่น ในช่วงปี 2565-2566 การอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าขยะล่าช้า เนื่องจากผู้ประกอบการรอการกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชน ส่งผลให้ความต้องการใช้ RDF ชะลอตัวลง นอกจากนี้ พลังงานจากขยะยังต้องแข่งขันกับพลังงานสะอาดประเภทอื่น ๆ ที่ภาครัฐอาจสนับสนุนมากกว่า เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำกว่าพลังงานจากขยะมากกว่าเท่าตัว
  • ห่วงโซ่อุปทานของเชื้อเพลิงขยะต้องอาศัยการประสานงานระหว่างหลายหน่วยงานของภาครัฐ เช่น การจัดเก็บขยะอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ส่วนการกำหนดนโยบายการรับซื้อพลังงานเป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน เป็นต้น การทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานนี้จำเป็นต้องมีความสอดคล้อง เพื่อสนับสนุนความพร้อมของอุปทาน RDF ในภาคพลังงาน
  • ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF อาจเผชิญความเสี่ยงจากการที่ปริมาณขยะมูลฝอยถูกนำไปรีไซเคิลมากขึ้น แทนที่จะถูกนำไปแปรรูปเป็นพลังงาน ในต่างประเทศ เช่น ยุโรป การรีไซเคิลขยะกำลังได้รับความนิยมมากกว่าการใช้ขยะเพื่อผลิตพลังงาน เนื่องจากการรีไซเคิลสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าพลังงานที่ได้จากการเผาขยะ โดยสำหรับประเทศไทย ระหว่างปี 2556-2566 อัตราการเติบโตของขยะที่ถูกรีไซเคิลสูงกว่าการรวบรวมขยะเพื่อผลิตพลังงานถึง 3.0%
  • การเติบโตของธุรกิจ RDF อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากกระบวนการผลิตพลังงานจากขยะมักมาจากการเผาไหม้ ซึ่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้พลังงานขยะอาจถูกลดบทบาทได้ในอนาคตจากข้อกำหนดสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สหราชอาณาจักรจะนำพลังงานขยะเข้าสู่ระบบสิทธิการซื้อขายใบรับรองการปล่อยคาร์บอน (Emission Trading Scheme) ในปี 2571 ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลด้านมลพิษจากพลังงานขยะ

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest

ESG