- ในปี 2568 รายได้ธุรกิจเอทานอลเชื้อเพลิงไทยมีทิศทางลดลงแรง จากราคาเอทานอลที่คาดว่าจะหดตัว 30.5% ตามราคาวัตถุดิบกากน้ำตาลและมันสำปะหลัง ในขณะที่ อุปสงค์เอทานอลมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.1%
- สำหรับปี 2569 รายได้ธุรกิจเอทานอลเชื้อเพลิงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำ เพราะราคาเอทานอลมีทิศทางปรับตัวขึ้น 2.6% ตามราคากากน้ำตาล แม้อุปสงค์คาดว่าจะหดตัว 0.7% ตามความต้องการน้ำมันแก๊สโซฮอล์
- ทั้งนี้ แนวโน้มพฤติกรรมการใช้แก๊สโซฮอล์ของผู้บริโภคในปี 2568-2569 ยังคงใกล้เคียงกับหลายปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนการเลือกใช้ E10 อยู่ที่ราว 83% และการใช้ E20 อยู่ที่ 16% เพราะผู้บริโภคมีความกังวลในเรื่องปัญหาเครื่องยนต์ไม่รองรับ E20 และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่อาจลดระยะทางวิ่ง
ธุรกิจเอทานอลเชื้อเพลิงไทยถูกขับเคลื่อนโดยนโยบายภาครัฐ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบ โดยในปัจจุบัน ภาครัฐสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งคือน้ำมันเบนซินที่มีการผสมเอทานอล โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ E20 ที่มีสัดส่วนการผสมเอทานอลราว 20% ด้วยการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราที่ต่ำกว่า E10 อยู่กว่า 37% อีกทั้งยังยกเลิกการสนับสนุนเงินชดเชยให้แก่ E85
อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่าย E20 ในปัจจุบันยังต่ำกว่า E10 แม้รถยนต์ที่รองรับ E20 จะมีจำนวนมากกว่ารถยนต์ที่รองรับ E10 เพียงอย่างเดียว เนื่องจากการกระจายตัวไม่ทั่วถึงของปั๊มน้ำมันที่ให้บริการ E20 ประกอบกับความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับเครื่องยนต์ที่อาจไม่รองรับ E20 และการวิ่งที่ได้ระยะทางน้อยกว่า E10 ในปริมาณน้ำมันที่เท่ากัน
อุตสาหกรรมเอทานอลเชื้อเพลิงกำลังเผชิญกับภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน
ที่อยู่ราว 40% โดยตลาดแก๊สโซฮอล์ไทยในปัจจุบันยังไม่สามารถดูดซับกำลังการผลิตส่วนเกินดังกล่าวได้ ในขณะที่ การส่งออกเอทานอลเชื้อเพลิงยังมีข้อจำกัด เพราะต้องขออนุญาตเป็นรายกรณีจากกรมสรรพสามิตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การนำการผลิตส่วนเกินของเอทานอลเชื้อเพลิงไปผลิตเอทานอลสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเวชภัณฑ์ยังเป็นไปในขอบเขตจำกัด เนื่องจากสัญญาอนุญาตกับกรมสรรพสามิตจำกัดให้ผลิตเฉพาะเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงเท่านั้น
รายได้ธุรกิจเอทานอลเชื้อเพลิง
รายได้ธุรกิจเอทานอลเชื้อเพลิงปี 2568 มีแนวโน้มลดลงมากจากราคาเอทานอลที่จะหดตัว ในขณะที่ อุปสงค์จะขยายตัวเล็กน้อย ส่วนปี 2569 รายได้มีทิศทางฟื้นตัวจากราคาเอทานอลที่ปรับสูงขึ้นจากฐานที่ต่ำ แม้อุปสงค์คาดว่าจะลดลงตามความต้องการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ (รูปที่ 2)
อุปสงค์เอทานอลคาดว่าจะขยายตัว 0.1% ในปี 2568 และลดลง 0.7% ในปี 2569 (รูปที่ 3) โดยอุปสงค์เอทานอลเชื้อเพลิงปรับตัวตาม 2 ปัจจัย ดังต่อไปนี้
1. ความต้องการน้ำมันแก๊สโซฮอล์
สำหรับปี 2568 อุปสงค์แก๊สโซฮอล์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ตามความต้องการน้ำมันเบนซินที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นในปีนี้ (รูปที่ 4) ประกอบกับราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ในไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ (รูปที่ 5) ซึ่งจะหนุนความต้องการใช้แก๊สโซฮอล์
อย่างไรก็ดี ในปี 2569 อุปสงค์แก๊สโซฮอล์มีแนวโน้มลดลง 0.4% เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคที่ได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (xEV) (รูปที่ 4)
2. พฤติกรรมของผู้บริโภคคาดว่าจะยังคงนิยมใช้แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 เป็นหลัก ที่ราว 83% และ 16% ตามลำดับ (รูปที่ 6)
โดยการคาดการณ์สัดส่วนของปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์ทั้ง 3 ประเภทในปี 2568-2569 มีอยู่ดังนี้I. E10: ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะยังนิยมใช้ E10 (แก๊สโซฮอล์ 91/95 ) เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่รถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันเบนซินทุกประเภทรองรับได้ และมีความสะดวกในการใช้งาน เพราะมีจำหน่ายในทุกสถานีบริการน้ำมัน แม้ว่าภาครัฐจะมีแผนยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ในปีนี้ แต่คาดว่าอุปสงค์ของ E10 จะไม่ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มเปลี่ยนไปใช้แก๊สโซฮอล์ 95 ซึ่งมีสัดส่วนเอทานอลเท่ากันแทน
II. E20: ในขณะเดียวกัน การใช้ E20 คาดว่าจะปรับตัวลงในปี 2568-2569 เพราะผู้บริโภคบางส่วนยังมีความกังวลว่าเครื่องยนต์อาจไม่รองรับการใช้งาน อีกทั้งประสิทธิภาพการเผาไหม้ของ E20 ทำให้ระยะทางต่อปริมาณน้ำมันที่ใช้สั้นกว่า E10 โดยสัดส่วนการใช้ E20 ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 ทั้งนี้ การใช้ E20 ในอนาคตอาจปรับตัวเพิ่ม หากภาครัฐสนับสนุนการใช้น้ำมันดังกล่าว
III. E85: การใช้น้ำมัน E85 คาดว่าจะยังทรงตัวที่ 0.2% เพราะความนิยมใช้ E85 ลดลงต่อเนื่องหลังภาครัฐยกเลิกการสนับสนุนเงินชดเชยในปี 2565 ซึ่งส่งผลให้การใช้น้ำมันชนิดนี้ลดลงกว่า 80% ในปี 2566 ก่อนจะทรงตัวอยู่ที่ราว 60,000 ลิตร/วัน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
ราคาเอทานอลคาดจะหดตัว 30.5% ในปี 2568 ก่อนปรับเพิ่มขึ้น 2.6% ในปี 2569 (รูปที่ 7)
สำหรับปี 2568 ราคาเอทานอลไทยมีแนวโน้มหดตัวแรง ตามการลดลงของราคากากน้ำตาล เพราะผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นราว 12% ในปีการผลิต 2567/68 จากปรากฎการณ์ลานีญา ในขณะที่ ราคามันสำปะหลังก็หดตัวเช่นกัน แม้ว่าปริมาณผลผลิตจะลดลงก็ตาม เนื่องจากคุณภาพของมันสำปะหลังมีระดับต่ำจากปัญหาโรคใบด่าง โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ราคากากน้ำตาลและราคามันสำปะหลังลดลง 10.2% และ 37.1% YoY ตามลำดับ
ในปี 2569 ราคาเอทานอลไทยมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจากฐานต่ำ เพราะราคากากน้ำตาลคาดว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยจากการผลิตน้ำตาลที่มีแนวโน้มชะลอลง อย่างไรก็ดี ราคาเอทานอลยังได้รับแรงกดดันจากราคามันสำปะหลังที่อาจหดตัว ตามผลผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 0.22% ในปี 2569 เนื่องจากสภาพฝนที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต และการใช้พันธุ์ที่ต้านทานโรคใบด่างมากขึ้น
ความเสี่ยงของตลาดเอทานอลเชื้อเพลิงในระยะกลางถึงยาว
• นโยบายการเลือกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ชนิดฐานของภาครัฐ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567-2580 (Oil Plan 2024) ระบุว่าภาครัฐยังอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ชนิดฐานว่าจะเป็น E10 (แก๊สโซฮอล์ 95) หรือ E20 ซึ่งหากเลือก E10 เป็นน้ำมันชนิดฐาน จะมีปริมาณการใช้เอทานอลในปี 2580 เพียง 1.55 ล้านลิตร/วัน แต่หากเลือก E20 ก็จะมีอุปสงค์เอทานอลอยู่ที่ 3.25 ล้านลิตร/วัน
• การขยายตัวของจำนวนรถยนต์พลังงานทางเลือกกลุ่ม xEV โดยรถประเภทไฮบริดจะช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ราว 10-50% ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) จะใช้ไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีทิศทางลดลงในระยะยาว ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายรถ xEV ของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2568 ยอดขายรถ xEV ใหม่ คาดว่าจะมีสัดส่วนกว่า 47% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ (รูปที่ 8)
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น