Display mode (Doesn't show in master page preview)

1 มิถุนายน 2566

Econ Digest

กนง. มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด! ขณะที่คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ที่ 3.6%

คะแนนเฉลี่ย

        จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี โดยกนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญขณะที่ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปแม้ว่าจะปรับลดลง แต่ยังคงทรงตัวในระดับสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ท่ามกลางแรงกดดันด้านอุปทานที่ยังคงอยู่
        อย่างไรก็ดี กนง. มองว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับลดลง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับลดลงมาสู่กรอบเป้าหมายที่ 2.5% ในปี 2566 และ 2.4% ในปี 2567 ซึ่งลดลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้า ขณะที่ กนง. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3.6% ในปี 2566 และ 3.8% ในปี 2567 ทั้งนี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า กนง. ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะปรับขนาด
และเงื่อนเวลาของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย หากแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้
        โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เผชิญความเสี่ยงมากขึ้น จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และจากประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ขณะที่ แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง เนื่องจากธนาคารกลางหลักอย่างเฟด เริ่มส่งสัญญาณอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ ส่งผลให้กนง. คงจะต้องมีการชั่งน้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้

 


Click
 ชมคลิป กนง. มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด! ขณะที่คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ที่ 3.6%

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest