ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศช่วงสงกรานต์ปี 2564 น่าจะดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากวันหยุดยาวและการออกแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว จากการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯและปริมณฑลเกี่ยวกับแผนท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ปี 2564 พบว่ากลุ่มที่ไม่มีแผนท่องเที่ยวต่างจังหวัดคิดเป็น 40.1% กลุ่มที่มีแผนท่องเที่ยวต่างจังหวัดคิดเป็น 39.9% ส่วนที่เหลืออีก 20.0% ยังไม่แน่ใจ
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงหยุดยาว 9 วัน ระหว่างวันที่ 10 - 18 เม.ย. 2564 น่าจะมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจำนวน 3.84 ล้านคน-ครั้ง หรือหดตัวราว 30.2% เมื่อเทียบกับช่วงสงกรานต์ปี 2562 ซึ่งยังไม่มีการระบาดของโควิด ส่วนในด้านค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว คาดว่าจะมีมูลค่าราว 1.59 หมื่นล้านบาท หรือหดตัว 37.2% โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,150 บาทต่อทริป ลดลงจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ปกติซึ่งมีค่าใช้จ่ายราว 4,900 บาทต่อทริป โดยเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการเลือกเดินทางระยะใกล้ การเลือกเดินทางโดยรถส่วนตัว ค่าที่พักปรับลดลงจากการแข่งขันด้านราคา รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อของฝาก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การระบาดของโรคโควิด19 ยังไม่สิ้นสุด ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวอย่างโรงแรมที่พักหรือบริษัทนำเที่ยวจึงควรมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวของลูกค้า โดยให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนตารางการเดินทาง ยกเลิกหรือปรับรูปแบบเป็นเครดิตสำหรับการใช้บริการในอนาคตโดยไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ควบคู่กับการปรับผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวให้เข้ากับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ประสบการณ์ การเพิ่มช่องทางการขายและการสื่อสาร เพื่อสร้างการรับรู้ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงช่วยกันรักษามาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยจากโควิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมาใช้บริการ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น