Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 พฤศจิกายน 2565

Econ Digest

จับตาค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ 7 – 11 พ.ย. 2565

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

   เงินบาทผันผวนในช่วงก่อนและหลังการประชุมเฟด โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนการประชุมเฟดท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เฟดอาจเริ่มส่งสัญญาณชะลอแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกอ่อนค่าในช่วงหลังการประชุมเฟด เนื่องจากท่าทีของประธานเฟดสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่ยุติวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ เงินบาทแข็งค่ากลับมาได้อีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
   สัปดาห์ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. 2565 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 37.00-38.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทยและสหรัฐฯ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

   SET Index ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากกระแสข่าวจีนเตรียมเปิดประเทศและแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยระหว่างสัปดาห์มีการประชุมเฟด ซึ่งเฟดได้ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยนานกว่าคาด ส่วนช่วงปลายสัปดาห์หุ้นไทยแกว่งตัวกรอบแคบระหว่างรอติดตามข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ
   สัปดาห์ที่ 7-11 พ.ย. 2565 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทยและสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของบจ.


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น